ต้องซูฮกเฟอร์กี้

อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
แม้แต้มจะยังไม่ขาดอย่างเป็นทางการ แต่ว่าแฟนบอลทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010-11 ได้อยู่ในกำมือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นที่เรียบร้อย


ชัยชนะเหนือเชลซี 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ "ปีศาจแดง" ต้องการอีกเพียงแค่แต้มเดียวจากการลงสนาม 2 นัดสุดท้าย เพื่อการันตีแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 19 ซึ่งแน่นอนว่าความดีความชอบส่วนใหญ่คงต้องยกให้กับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

หลังจบเกมกุนซือชาวสกอตต์ ออกอาการดีใจแบบสุดๆ และได้ขอบคุณแฟนบอลอัฒจันทร์ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ ด้วยการชูสองมือขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะโค้งลงมาต่ำเกือบจรดพื้นถึง 2 ครั้ง (แบบที่ศิลปินมักจะขอบคุณผู้ชมตอนจบการแสดง)

ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นเฟอร์กี้ออกอาการลิงโลดขนาดนี้ แต่นั่นก็คงจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากเพราะไม่เพียงแต่จะแย่งแชมป์คืนมาจากเชลซีได้เท่านั้น หากแต่ยังทำให้ "ปีศาจแดง" แซงหน้าลิเวอร์พูลและกลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุดในเมืองผู้ดีด้วย

ยูไนเต็ด จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการได้หากพวกเขาเก็บได้อย่างน้อย 1 แต้มในการออกไปเยือน แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ แต่หากเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาก็ยังเหลือเกมพบแบล็คพูลในบ้านอีกหนึ่งนัด ซึ่งความเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์ที่พลพรรคปีศาจแดงจะปล่อยให้โทรฟี่หลุดมือ

"มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ได้เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศในแง่ของจำนวนแชมป์ (ลีกสูงสุด)" เฟอร์กี้ กล่าวหลังเกมสยบเชลซี พร้อมกับหนีห่างคู่แข่งเป็น 6 แต้มขณะที่เหลือเกมอีก 2 นัด

คงไม่มีใครเถียงว่ายูไนเต็ดสมควรที่จะเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ เพราะแม้จะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่หรูเลิศแต่พวกเขาเป็นทีมที่มี "คาแร็กเตอร์ของผู้ชนะ" อยู่ในตัว พิสูจน์ได้จากการเก็บ 3 แต้มได้เนืองๆ ในวันที่เล่นไม่ออก

ขณะที่ อาร์เซน่อล ที่ทำท่าว่าจะมีลุ้นแชมป์ก็มาตกม้าตายในช่วงโค้งสุดท้ายอีกตามเคย ซึ่งเป็นปัญหาเดิมๆ ที่อาร์แซน เวนเกอร์ โค้ชชาวฝรั่งเศส ยังหาทางแก้ไม่ตก เพราะเรื่องเทคนิคหรือพรสวรรค์ของผู้เล่น "ปืนใหญ่" จัดอยู่ในแถวหน้าของยุโรป แต่เรื่องหัวจิตหัวใจดูจะไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร

ตรงข้ามกับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดันหลังพ่ายอาร์เซน่อลเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่พวกเขาก็ยังจัดการเชลซีที่กำลังอยู่ในช่วงเข้าฝักได้ ทั้งที่ต้องเล่นเกมกลางสัปดาห์กับชาลเก้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ด้วย

ด้วยประสบการณ์ที่ข้นคลั่กในการคุมทีม ทำให้เฟอร์กี้ รู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรในการดึงฟอร์มที่ดีที่สุดของนักเตะออกมา และจะจัดทีมที่ดีที่สุดอย่างไรเมื่อไม่มีนักเตะคนสำคัญที่อาจจะมีปัญหาบาดเจ็บหรือติดโทษแบน

กุนซือวัย 69 ปีรู้ดีว่าขุมกำลังที่มีอยู่ของเขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเหมือนที่ผ่านมา และนั่นทำให้ท่านเซอร์ตัดสินใจคว้าตัวฮาเวียร์ เอร์นานเดซ เข้ามาเสริมทีม และ "เจ้าถั่วน้อย" หรือ "ชิชาริโต้" ก็ไม่ทำให้สาวกเร้ด เดวิลส์ ต้องผิดหวัง

หัวหอกชาวเม็กซิกัน ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ "ปีศาจแดง" มีสิทธิลุ้นดับเบิลแชมป์ในฤดูกาล และประตูที่ยิงเชลซีได้ในวินาทีที่ 36 ของเกมก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเกมที่ทำให้เจ้าถิ่นเล่นได้ง่ายขึ้นเยอะ

ชิชาริโต้ ทำไปแล้ว 20 ประตูในฤดูกาลแรกกับสโมสร ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่น่าประทับใจอย่างมาก และการประสานงานกับเวย์น รูนี่ย์ ก็ทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อสำหรับดาวรุ่งที่มีค่าตัวเพียง 7 ล้านปอนด์รายนี้

พูดถึงรูนี่ย์แล้ว ก็ต้องให้เครดิตกับเฟอร์กี้อีกครั้งที่ช่วยกล่อมให้ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษเปลี่ยนใจอยู่กับทีมต่อไป หลังจากที่นักเตะเคยออกมาประกาศว่าอยากย้ายทีมเพราะยูไนเต็ดขาดความทะเยอทะยานในการลุ้นความสำเร็จ (แม้ความจริงจะเป็นเพราะต้องการค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ตาม)

นอกจากรูนี่ย์และ ชิชาริโต้ แล้ว นักเตะที่สมควรจะได้รับคำสรรเสริญมากที่สุดในซีซั่นนี้คงจะหนีไม่พ้น ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดชาวเวลส์ ที่แม้จะอยู่ในช่วงปลายของการค้าแข้ง แต่กลับระเบิดฟอร์มเทพได้ชนิดที่นักเตะวัยรุ่นหลายคนต้องอายด้วย

ถึงจะไม่มีซูเปอร์สตาร์แบบเดวิด เบ็คแฮม หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในทีม แต่ยูไนเต็ดชุดนี้มีความลงตัวและเล่นกันเป็นทีมได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างเชลซี, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล หรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างชัดเจน เพราะมีทั้งแนวรุกที่เฉียบคม คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่เหนียวแน่นอย่างเนมันย่า วิดิช และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และหากได้นายทวารที่ไว้ใจได้อีกคนมาแทน เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่จะแขวนถุงมือหลังจบซีซั่น ก็คงจะทำให้ทีมของเฟอร์กี้รั้งตำแหน่งทีมหัวแถวต่อไปได้อีกนาน

ถึงตอนนี้แฟนบอลยูไนเต็ดคงจะยิ้มไม่หุบกันแล้ว แต่การฉลองยังไม่จบเพียงเท่านี้เพราะยังมียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ลุ้นกันอีกถ้วย ซึ่งหากทีมถอนแค้น บาร์เซโลน่า ที่เวมบลีย์ได้สำเร็จ ก็คงจะเป็นของขวัญชิ้นโตให้กองเชียร์ทุกคนและเป็นการตอกย้ำว่าเฟอร์กี้คือสุดยอดโค้ชแห่งวงการลูกหนังอย่างแท้จริง





ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 5/10/2011 10:16:20 AM

Labels: ,



Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

คลังคลิปไฮไลท์

ป้ายกำกับ

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (360) ข่าวสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (98) พรีเมียร์ลีก 2011/2012 (87) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (66) พรีเมียร์ลีก 2010/2011 (58) พรีเมียร์ลีก 2015/2016 (48) ลิเวอร์พูล (33) อาร์เซนอล (30) พรีเมียร์ลีก 2012/2013 (29) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (29) เชลซี (27) ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส (26) สโต๊ค ซิตี้ (26) นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (24) แอสตัน วิลล่า (23) เอฟเวอร์ตัน (21) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (20) ฟูแล่ม (18) นอริช ซิตี้ (17) ฟุตบอลอุ่นเครื่อง/กระชับมิตร (17) สวอนซี ซิตี้ (17) ซันเดอร์แลนด์ (16) พรีเมียร์ลีก 2014/2015 (16) วีแกน (16) แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (14) โบลตัน (14) UEFA (13) วูล์ฟแฮมป์ตัน (13) ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส (12) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (11) เซาธ์แฮมป์ตัน (9) เลสเตอร์ ซิตี้ (7) วัตฟอร์ด (6) เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (6) แบล็คพูล (6) คริสตัล พาเลส (5) พรีเมียร์ลีก 2016/2017 (5) เอเอฟซี บอร์นมัธ (5) พรีเมียร์ลีก 2013/2014 (4) เรดดิง (4) บาร์เซโลนา (3) ชาลเก้ 04 (2) วาเลเรนกา (2) LEAGUE CUP (1) กลาสโกว์ เรนเจอร์ (1) กว่างตง (1) กาลาตาซาราย (1) คลิปในตำนานแมนยูฯ (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2010/2011 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2011/2012 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2012/2013 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2013/2014 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2015/2016 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2016/2017 (1) นิวยอร์ค คอสมอส (1) บาเลนเซีย (1) พีเอสวี (1) ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (1) ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (1) รีล มาดริด (1) อิปสวิช ทาวน์ (1) เบิร์นลี่ย์ (1) เอฟเอ คัพ (1) แอธเลติก บิลเบา (1) โคโลญจน์ (1) โวล์ฟบวร์ก (1) ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (1)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.