แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 สวอนซี ซิตี้ 30 เมษายน 2560

คลิปไฮไลท์พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 สวอนซี ซิตี้
Manchester United 1-1 Swansea City
วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2560

ผู้ทำประตู : 1-0 เวย์น รูนี่ย์ 45+3′ (Pen.) // 1-1 กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน 80′


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 สโต๊ค ซิตี้ 2 ต.ค. 2016

ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 สโต๊ค ซิตี้
2 ต.ค. 2016

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ซอร์ย่า 29 ก.ย. 2016 ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก

ไฮไลท์ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ซอร์ย่า 
29 ก.ย. 2016
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ซอร์ย่า 29 ก.ย. 2016 ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 เลสเตอร์ ซิตี้ 24 ก.ย. 2016

ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 เลสเตอร์ ซิตี้ 
24 ก.ย. 2016
ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 เลสเตอร์ ซิตี้  24 ก.ย. 2016

วัตฟอร์ด 3-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 17 ก.ย. 2016

ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก
วัตฟอร์ด 3 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 
17 ก.ย. 2016
ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก วัตฟอร์ด 3 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  17 ก.ย. 2016

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 10 ก.ย. 2016

ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

10 ก.ย. 2016

ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้  10 ก.ย. 2016

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 1 โวล์ฟบวร์ก


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 1 โวล์ฟบวร์ก

UEFA CHAMPIONS LEAGUE
1 ตุลาคม 2015 • 1:45 • Old Trafford, Manchester
ผู้ตัดสิน: ว. คาสไซ • ผู้ชม: 7481


4' CALIGIURI 0-1 // 34' MATA (PEN.) 1-1 // 53' CHRIS SMALLING 2-1

ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแรก กลุ่ม B
แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 โวล์ฟสบวร์ก


มิดฟิลด์สแปนิชกลายเป็นพระเอกในเกมนี้ หลังยิง 1 จ่าย 1 พาปีศาจแดงพลิกจากที่โดนหมาป่าเมืองเบียร์นำไปก่อน แซงกลับมาเอาชนะได้หวุดหวิด

หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือเจ้าบ้าน ปรับทัพจากเกมลีกล่าสุดที่ถล่มซันเดอร์แลนด์ 3-0 เพียงแค่รายเดียวเท่านั้น คือ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ที่ได้โอกาสยืน 11 คนแรกแทน ไมเคิล คาร์ริค ซึ่งบาดเจ็บและไม่มีชื่อแม้แต่ตัวสำรองด้วย ด้านแนวรุกยังเป็นสี่ประสานหน้าเดิมทั้ง ฆวน มาต้า, เมมฟิส เดปาย, เวย์น รูนีย์ และ อ็องโตนี มาร์กซิยาล

ด้านทีมเยือนของ ดีเตอร์ เฮคคิงก์ เปลลี่ยนตัวผู้เล่นจากนัดก่อนในบุนเดสลีกาที่เปิดบ้านเสมอฮันโนเวอร์ 1-1 แค่หนึ่งรายเช่นเดียวกัน คือ แม็กซิมิเลียน อาร์โนลด์ ที่ได้โอกาสลงเป็นตัวจริงแทน อังเดร ชูร์เล โดยจะฝากความหวังในแนวรุกไว้ที่กองหน้าตัวเป้าอย่าง บาส ดอสท์ ซึ่งจะประสานร่วมกับ ดาเนียล คาลิกูรี และ ยูเลียน แดร็กซ์เลอร์

เริ่มเกมได้เพียง 4 นาทีเท่านั้น เสียงเชียร์ของเหล่าเร้ดส์ อาร์มีในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดกลับต้องเงียบกริบ เมื่อโวล์ฟสบวร์กสามารถพังประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ มักซ์ ครูเซ ไหลเข้าช่องให้ คาลิกูรี หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงสวนตัว ดาบิด เด เฮอา เข้าไป ส่งให้ทีมเยือนบุกมานำ 1-0

ถัดมานาทีที่ 12 แมนฯยูฯเกือบจะตีเสมอได้ จากจังหวะที่ มัตเตโอ ดาร์เมียน เปิดบอลจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ มาต้า ได้ปั่นด้วยซ้าย บอลจะโค้งเสียบเสาไกลอยู่แล้ว แต่ยังโดน ดานเต้ พุ่งโหม่งทิ้งข้ามคานไปหวุดหวิด

จากนั้นนาทีที่ 25 ปีศาจแดงมีโอกาสอีกครั้ง จากจังหวะที่ มาร์กซิยาล กระชากหนี ริคาร์โด้ โรดริเกวซ ไปสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนจะผ่านเข้ากลางให้ รูนีย์ แปโด่งข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง

แต่แล้วในนาทีที่ 34 เจ้าบ้านก็มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ คาลิกูรี เจตนาทำแฮนด์บอลในกรอบ 18 หลา ก่อนจะเป็น มาต้า รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

เข้าสู่ครึ่งหลังปีศาจแดงตัดสินใจแก้เกมทันที ด้วยการเปลี่ยนตัวสำรองคนแรก ส่ง แอชลีย์ ยัง ลงมายืนเป็นแบ็คขวาแทน อันโตนิโอ วาเลนเซีย จนกระทั่งนาทีที่ 53 ก็มาพลิกขึ้นนำจนได้ จากจังหวะที่ มาต้า ใช้ความสามารถเฉพาะตัว จ่ายดีดลูกส้นกลับหลังกลางอากาศให้ คริส สมอลลิง หลุดกับดักล้ำหน้าพุ่งชาร์จจ่อๆเข้าไป ส่งให้แมนฯยูแซงนำ 2-1

หลังจากตกเป็นฝ่ายตามหลังได้เพียงนาทีเดียว ทัพหมาป่าเมืองเบียร์ก็เกือบจะตีเสมอได้ทันที จากจังหวะที่ คาลิกูรี ได้ลองส่องไกลหน้ากรอบเขตโทษ แต่ยังโดน เด เฮอา พุ่งปัดทิ้งออกข้างได้อย่างยอดเยี่ยม

จากนั้นนาทีที่ 62 เจ้าบ้านเปลี่ยนตัวสำรองคนที่สอง ส่ง อันเดรียส เปเรย์รา ดาวรุ่งชาวบราซิลลงมาสัมผัสเกมฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรก โดยลงมาแทนที่ของ เดปาย ซึ่งยังโชว์ฟอร์มไม่ออกเหมือนเดิม

8 นาทีต่อมา โวล์ฟสบวร์กแก้เกมบ้าง เปลี่ยนสองคนรวดส่ง ชูร์เล และ นิคลาส เบนท์เนอร์ ลงมาแทน อาร์โนลด์ และ ดอสท์ ส่วนแมนนยูฯเปลี่ยนคนสุดท้ายส่ง ฟิล โจนส์ ลงมาแทน บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

หลังจากนั้นแม้ว่าทัพหมาป่าเมืองเบียร์จะพยายามบุกหนักเพื่อหวังตีเสมอให้ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เฉือนชนะไปแบบหืดจับ 2-1 เก็บสามแต้มแรกในศึกยูซีแอลฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

รายชื่อ 11 ตัวจริง
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , คริส สมอลลิง , เดลีย์ บลินด์ , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , มัตเตโอ ดาร์เมียน , เมมฟิส เดปาย , ฆวน มาตา , เวย์น รูนีย์ , มอร์แกน ชไนเดอร์แลง , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ , อองโตนี มาร์กซิยาล
โวล์ฟสบวร์ก : ดีเอโก เบนาโญ , คริสเตียน ทราสช์ , ดานเต , นัลโด , ริคาร์โด โรดริเกวซ , ดาเนียล คาลิกูรี , จูเลียน แดร็กซ์เลอร์ , มักซ์ ครูเซ , โจชัว กิลาโวกี , มักซิมิเลียน อาร์โนลด์ , บาส ดอสท์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 ซันเดอร์แลนด์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 ซันเดอร์แลนด์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 ซันเดอร์แลนด์
พรีเมียร์ลีก
26 กันยายน 2015 • 21:00 • Old Trafford, Manchester
ผู้ตัดสิน: M. Jones • ผู้ชม: 75328

45'+4 MEMPHIS 1-0 // 46' WAYNE ROONEY 2-0 // 90' JUAN MATA 3-0

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 ซันเดอร์แลนด์


เมมฟิส เดปาย และ เวย์น รูนีย์ สองตัวบุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กอดคอกันเปิดซิงประตูแรกใน พรีเมียร์ ลีก ได้แล้ว หลังเปิดบ้านถล่ม ซันเดอร์แลนด์ ขาดลอย 3-0 ก่อนแซง แมนเชสเตอร์ ซิตี ขึ้นเป็นจ่าฝูงเป็นทางการ

หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือเจ้าบ้าน ตัดสินใจโยก มัตเตโอ ดาร์เมียน ไปยืนแบ็คซ้ายแทน ลุค ชอว์ และ มาร์กอส โรโฆ ที่บาดเจ็บ ส่วนมิดฟิลด์คู่กลางปรับมาใช้ ไมเคิล คาร์ริค ลงเล่นกับ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ด้านสองแนวรุกดาวรุ่งอย่าง เมมฟิส เดปาย และ อ็องโตนี มาร์กซิยาล ได้โอกาสกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง

ด้านทีมเยือนของ ดิ๊ค อาตโวคาท ซึ่งกำลังเก้าอี้ร้อนอย่างหนัก หลังตกเป็นกุนซือเต็งหนึ่งที่มีโอกาสถูกปลดมากที่สุด เลือกตัวหลักอย่าง คอสเทล พันติลิมอน, ยูเนส กาบูล, บิลลี โจนส์ และ ลี แคตเตอร์โมล กลับมายืน 11 คนแรกอีกครั้ง ส่วนแนวรุกฝากความหวังในการทำประตูไว้ที่ ฟาบิโอ บอรินี กองหน้าตัวเป้า

เกมใน 45 นาทีแรกเป็นแมนฯยูฯที่ครองบอลบุกได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่กว่าจะมาได้ประตูขึ้นนำก็ต้องรอจนถึงช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+4 จากจังหวะที่ ดาลีย์ บลินด์ วางบอลยาวจากกลางสนามให้ ฆวน มาต้า แปะถวานพานต่อให้ เดปาย เข้าฮอร์สจ่อๆเข้าไป เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีกด้วย ช่วยให้จบครึ่งแรกเป็นปีศาจแดงที่ออกนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลังแวบเดียว นาที 46 แมนยูฯ ได้ประตูเร็วทิ้งห่าง 2-0 อองโตนี มาร์กซิยาล ลากมาสุดเส้นหลังแล้วเปิดให้ เวย์น รูนีย์ ใช้เข่าจิ้มเข้าไปง่าย ๆ ขณะที่ นาที 53 ซันเดอร์แลนด์ ขอลูกตีไข่แตก ลี แคทเทอร์โมล ผ่านให้ โอลา ตอยโวเนน ยิงมุมแคบแต่ ดาบิด เด เคอา เซฟได้อีก

นาที 69 ผีแดง พลาดโอกาสทองฝังเพชร อองโตนี มาร์กซิยาล ใจกว้างดั่งแม่น้ำแทงให้ เมมฟิส เดปาย พังลูกที่สองแต่บอลเบาเข้ามือ คอสเทล พานทิลิมอน เฉย ส่วนช่วงท้ายเกม นาที 89 เจ้าบ้านก็มาจัดการตอกฝาโลง แอชลีย์ ยัง เปิดออกขวาให้ ฆวน มาตา ตั้งป้อมยิงตาข่ายแทบขาด จบเกม ชนะ 3-0 เก็บเพิ่ม 16 แต้ม แซง “เรือใบสีฟ้า” ขึ้นจ่าฝูงเรียบร้อย

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ดาบิด เด เคอา, คริส สมอลลิง, ดาลีย์ บลินด์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, มัตเตโอ ดาร์เมียน, เมมฟิส เดปาย, ฆวน มาตา, ไมเคิล คาร์ริค, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน, เวย์น รูนีย์, อองโตนี มาร์กซิยาล
ซันเดอร์แลนด์ - คอสเทล พานทิลิมอน, บิลลี โจนส์, แพทริค ฟาน อันโฮล์ต, ยูเนส กาบูล, จอห์น โอเชีย, ลี แคทเทิลโมล, อดัม จอห์นสัน, เจเรเมน เลนส์, โอลา ตอยโวเนน, ยานน์ เอ็มวีลา, ฟาบิโอ บอรินี

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 อิปสวิช ทาวน์


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 อิปสวิช ทาวน์
LEAGUE CUP
24 กันยายน 2015 • 2:00 • Old Trafford, Manchester
ผู้ตัดสิน: S. Hooper


23' WAYNE ROONEY 1-0 // 60' ANDREAS PEREIRA 2-0 // 90' ANTHONY MARTIAL 3-0

ดาวรุ่งชาวบราซิเลียน เปิดตัวยังโรงละครแห่งความฝันในฐานะตัวจริงของปีศาจแดงนัดแรก ด้วยการปั่นฟรีคิกสุดสวยพาทีมกรุยทางสู่รอบ 4 ของศึกแคปิตอล วัน คัพ ได้สำเร็จ

หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือเจ้าบ้าน ตัดสินใจให้โอกาส อันเดรียส เปเรย์รา มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวบราซิล ออกสตาร์ตเป็น 11 ตัวจริงครั้งแรก โดยจะลงทำเกมรุกร่วมกับรุ่นพี่อย่าง ฆวน มาต้า, มารูยาน เฟลไลนี และ เวย์น รูนีย์ ด้าน แอชลีย์ ยัง กับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ถูกจับโยกไปประจำการแบ็คซ้ายและขวาตามลำดับ

ด้านทีมเยือนจากลีกแชมเปี้ยนชิพของ มิค แม็คคาร์ทีย์ เปลี่ยนแปลง 11 คนแรกจากเกมก่อนที่เปิดบ้านเสมอกับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาแบบยกชุด นำโดยสองคู่กองหน้าอย่าง ดารีล เมอร์ฟีย์ และ เดวิด แม็คโกลด์ริค ซึ่งจะลงประสานงานในแนวรุกร่วมกับ เควิน บรู และ ทอมมี โออาร์

เริ่มเกมมาเป็นแมนฯยูฯที่ครองบอลบุกเข้าใส่ทันที จนกระทั่งนาทีที่ 23 ก็มาพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ดาลีย์ บลินด์ วางบอลยาวจากกลางสนามให้ รูนีย์ เบียดเอาชนะแนวรับอิปสวิชก่อนจะหลุดไปยิงด้วยซ้ายเข้าไป ส่งให้ปีศาจแดงออกนำ 1-0

หลังจากนั้นยังเป็นเจ้าบ้านที่ทำเกมรุกได้เหนือกว่า แต่ไม่สามารถใส่สกอร์ที่สองเพิ่มเติมได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรกเป็นแมนฯยูฯนำอยู่ 1-0 เหมือนเดิม

เข้าสู่ครึ่งหลังก็ยังเป็นปีศาจแดงที่รูปเกมเหนือกว่ามาก จนกระทั่งนาทีที่ 60 ก็มาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากการปั่นฟรีคิกบริเวณหัวกะโหลกของ เปเรย์รา บอลโค้งข้ามกำแพงเช็ดเสาเข้าไปอย่างสวยงาม และถือเป็นประตูแรกในทีมชุดใหญ่ของเจ้าตัวด้วย ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0

ช่วงทดเจ็บปีศาจแดงมาได้ประตูที่สามปิดท้าย จากจังหวะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ วางบอลยาวจากกลางสนามให้ เมมฟิม เดปาย แตะบอลต่อให้ อ็องโตนี มาร์กซิยาล หลุดไปซัดผ่านมือนายด่านอิปสวิชเข้าไป ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอาชนะไปแบบไม่ยากเย็น 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ของศึกแคปิตอล วัน คัพ ได้สำเร็จ

เซาแธมป์ตัน 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เซาแธมป์ตัน 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เซาแธมป์ตัน 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก
20 กันยายน 2015 • 22:00 • St. Mary's Stadium, Southampton, Hampshire
ผู้ตัดสิน: ม. แคล็ทเทนเบิร์ก • ผู้ชม: 31588

13' Graziano Pelle 1-0 // 34' Anthony Martial 1-1 // 50' Anthony Martial 1-2 // 68' Juan Mata 1-3 // 86' Graziano Pelle 2-3

เจ้าของฉายานิวอองรีเริ่มปล่อยของออกมาเรื่อยๆ หลังเหมายิงคนเดียวสองประตูพาปีศาจแดงบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้เดอะ เซนต์ พร้อมแซงเวสต์แฮมขึ้นรั้งรองจ่าฝูง

“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พิชิต “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน แบบหวุดหวิด 3-2 จากประตูของ อองโตนี มาร์กซิยาล (2 ลูก) และ ฆวน มาตา ที่สนาม เซนต์ แมรี เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ขยับรั้งอันดับ 2 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กวด แมนเชสเตอร์ ซิตี 2 แต้ม


ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เซาแธมป์ตัน 2-3 แมนฯ ยูไนเต็ด


โรนัลด์ คูมัน กุนซือเจ้าบ้าน ปรับทัพจากเกมก่อนที่บุกไปเสมอกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 0-0 ทั้งสิ้ง 3 ราย ได้แก่ มายะ โยชิดะ, โอริโอล โรเมอู และ ซาดิโอ มาเน ที่ได้โอกาสลงเป็นตัวจริงแทน เซดริก โซอาเรส, สตีเวน เดวิส และ เจย์ โรดริเกวซ ขณะที่แนวรุกยังฝากความหวังไว้ที่ ดูซาน ทาดิช กับ กราเซียโน เปลเล เหมือนเดิม

ด้านทีมเยือนของ หลุยส์ ฟาน กัล ได้ เวย์น รูนีย์ กองหน้ากัปตันทีมหายเจ็บกลับมาลงสนามอีกครั้ง ด้านมิดฟิลด์คู่กลางเปลี่ยนมาใช้ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ที่จะได้กลับมาเยือนถิ่นเก่า ลงเล่นร่วมกับ ไมเคิล คาร์ริค ส่วนแบ็คซ้ายทีเสีย ลุค ชอว์ ซึ่งขาหักพักยาวไปแล้ว เป็นฌิกาสของ มาร์กอส โรโฆ ที่ได้ลงเล่นแทน

เปิดฉากเกมมาเป็นเซาแธมป์ตันที่ลุยเข้าใส่ทันที จนกระทั่งนาทีที่ 13 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ เจมส์ วอร์ด พราวส์ เปิดบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษให้ มาเน โฉบมายิงติดเซฟ ดาบิด เด เฮอา ไปเข้าทาง เปลเล ซ้ำจ่อๆไม่เหลือซาก ส่งให้นักบุญออกนำ 1-0

หลังจากนั้นก็ยังเป็นเจ้าบ้านที่ครองเกมบุกได้เหนือกว่า แต่แล้วในนาทีที่ 34 กลับเป็นแมนฯยูฯที่ได้มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ชไนเดอร์ลิน โหม่งหนุนเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะเป็น โชเซ ฟอนเต้ ที่เบียดเอาชนะ ฆวน มาต้า ได้แต่สะกัดบอลไม่ดีมาเข้าทาง อ็องโตนี มาร์กซิยาล ล็อคหลบ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ อย่างเหนือชั้นแล้วยิงเข้าไปง่ายๆ ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

เข้าสู่ครึ่งหลังปีศาจแดงเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำบ้างแบบส้มหล่น ในนาทีที่ 50 จากความผิดพลาดของ มายะ โยชิดะ ที่ส่งคืนหลังไม่ดีมาเข้าทาง มาร์กซิยาล เก็บตกบอลไปเอี้ยวตัวแปด้วยขวาเข้าไปอย่างเด็ดขาด ช่วยให้ทีมเยือนแซงนำ 2-1

ถัดมานาทีที่ 68 แมนฯยูฯมาบวกลูกสามได้อีก จากจังหวะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ตัวสำรองซึ่งลงไแทน คาร์ริค ก่อนหน้านั้น 8 นาที ไหลเข้าช่องให้ เมมฟิส เดปาย ล็อคหลบ ฟอนเต้ แล้วยิงชนเสาไปเข้าทาง มาต้า ซ้ำเหน่งๆตุงตาข่าย ส่งให้ปีศาจแดงหนีห่างเป็น 3-1

จากนั้นช่วงท้ายเกมนาทีที่ 86 เซาแธมป์ตันมาได้ประตูตีตึ้น จากจังหวะที่ มาเน โยนบอลจากริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ เปลเล เทกตัวโขกคนเดียวแบบไร้ตัวประกบเข้าไป ส่งให้นักบุญไล่มาเป็น 2-3

ช่วงทดเจ็บ ดาบิด เด เคอา นายทวาร ยูไนเต็ด สวมบทฮีโร่ พุ่งปัดลูกยิงไกลของ วิคเตอร์ วันยามา ตามด้วยเซฟลูกโขกเตะมุมฝั่งซ้ายของ โฆเซ ฟอนเต จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม จาก 6 นัด

รายชื่อ 11 ตัวจริง
เซาแธมป์ตัน : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก , มายะ โยชิดะ , โฆเซ ฟอนเต , เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก , แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์ , ซาดิโอ มาเน , ดูซาน ทาดิช , วิคเตอร์ วันยามา , โอริโอล โรเมอู , เจมส์ วอร์ด-พราวส์ , กราเซียโน เปลเล
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , มาร์คอส โรโฮ , คริส สมอลลิง , เดลีย์ บลินด์ , มัตเตโอ ดาร์เมียน , เมมฟิส เดปาย , ฆวน มาตา , เวย์น รูนีย์ , ไมเคิล คาร์ริค , มอร์แกน ชไนเดอร์แลง , อองโตนี มาร์กซิยาล

พีเอสวี 2 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

พีเอสวี  2 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

พีเอสวี 2 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

UEFA CHAMPIONS LEAGUE
16 กันยายน 2015 • 1:45 • ฟิลลิปส์ สเตเดียม, Eindhoven
ผู้ตัดสิน: น. ริซโซลี่ • ผู้ชม: 35292


41' Memphis Depay 0-1 // 45' Hector Moreno 1-1 // 57' Luciano Narsinggh 2-1


แม้ปีศาจแดงจะขึ้นนำไปก่อน แต่สุดท้ายกลับเป็นพีเอสวีที่ยิงแซงสองลูกรวดพลิกกลับมาชนะไปหวุดหวิด ในเกมที่ ลุค ชอว์ โชคร้ายขาหักอย่างรุนแรง

ฟิลลิป โคคู กุนซือเจ้าบ้าน ยึด 11 คนแรกชุดเดิมจากเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ซึ่งบุกไปถล่มเอสซี คัมบูร์ถึง 6-0 ลงเล่นทั้งหมด ในระบบ 4-3-3 โดยวาง ลูค เดอ ยอง ดาวยิงกัปตันทีมยืนเป็นหน้าเป้า พร้อมกับมีสองปีกตัวจี๊ดอย่าง ลูเซียโน นาร์ซิงก์ และ แม็กซิเม เลสไตน์เน ขนาบน้างคอยช่วยเกมรุกริมเส้นทั้งสองฝั่ง

ด้านทีมเยือนของ หลุยส์ ฟาน กัล ตัดสินใจให้โอกาส อ็องโตนี มาร์กซิยาล หอกดาวรุ่งค่าตัวแพงที่เพิ่งจะซัดประตูสุดสวยในเกมแดงเดือด ลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรก โดยจะประสานงานในแนวรุกร่วมกับ เมมฟิส เดปาย ที่ได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้ง และสองมิดฟิลด์จอมเทคนิคอย่าง ฆวม มาต้า กับ แอชลีย์ ยัง

เริ่มเกมไปได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น แมนฯยูฯกลับต้องมาพบข่าวร้ายที่ไม่มีใครอยากเกิดขึ้น เมื่อ ลุค ชอว์ ไปปะทะ เอคตอร์ โมเรโน จนขาหักอย่างรุนแรง ทำให้ต้องรีบปฐมพยาบาลและหามออกจากสนามโดยด่วน ก่อนจะมีการเปลี่ยน มาร์กอส โรโฆ ลงมาเล่นแทน

จากนั้นเกมกลับมาสู้กันต่อหลังหยุดไปร่วม 10 นาที จนกระทั่งนาทีที่ 41 ปีศาจแดงก็มาพังประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ดาลีย์ บลินด์ จ่ายเข้าเขตโทษให้ เดปาย ใช้ความสามารถเฉพาะตัวล็อคหนีแนวรับพีเอสวีก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบคม ช่วยให้ทีมเยือนบุกมานำ 1-0 และถือเป็นการยิงทีมเก่าของเจ้าตัวด้วย

แต่ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ทีมแชมป์ลีกดัตช์ก็มาตีเสมอได้สำเร็จ จากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายที่ เลสไตน์เน เปิดให้ โมเรโน ขึ้นโขกไปแฉลบศีรษะของ มาต้า เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1 และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังเกมกลับตาลปัตร เมื่อเป็นพีเอสวีที่พลิกขึ้นนำบ้าง ในนาทีที่ 57 จากจังหวะที่ อันเดรส กวาร์ดาโด้ หวดบอลจากกลางไปริมเส้นฝั่งซ้ายให้ เลสไตน์เน เปิดเร็วเข้ากลางให้ นาร์ซิงก์ โหม่งเต็มหัวเข้าไปอย่างเด็ดขาด ส่งให้เจ้าบ้านแซงนำ 2-1

หลังจากนั้น แม้ว่าแมนฯยูฯจะพยายามเปิดเกมบุกอย่างหนักเพื่อหวังตีเสมอให้ได้ แต่ก็กลับจบสกอร์กันไม่เฉียบคมเอง ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นพีเอสวี ไอนด์โฮเฟนที่เฉือนชนะไปหวุดหวิด 2-1 เก็บสามแต้มประเดิมศึกยูฟ่า แชมปเปี้ยนส์ ลีก 2015-2016 ได้สำเร็จ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 1 ลิเวอร์พูล

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 1 ลิเวอร์พูล

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 1 ลิเวอร์พูล
พรีเมียร์ลีก
12 กันยายน 2015 • 23:30 • Old Trafford, Manchester
ผู้ตัดสิน: M. Oliver • ผู้ชม: 75347

49' Daley Blind 1-0 // 70' Ander Herrera (pen.) 2-0 // 84' Christian Benteke 2-1 // 86' Anthony Martial 3-1


อองโตนี มาร์กซิยาล ศูนย์หน้าป้ายแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประเดิมสนาม ซัดประตูตอกฝาโลงดับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 3-1 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ลิเวอร์พูล


หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียก ดาบิด เด เคอา นายทวารหมายเลข 1 ที่เพิ่งต่อสัญญา กลับมาเฝ้าเสาเกมแรกของฤดูกาล 2015-16 แต่ขาด เวย์น รูนีย์ กัปตันทีม ต้องพึ่งพา มารูยาน เฟลไลนี รับบทหัวหอกจำเป็น ประสานงาน เมมฟิส เดปาย กับ ฆวน มาตา ล่าตาข่าย รับมือ ลิเวอร์พูล ซึ่งขน คริสเตียน เบนเตเก, แดนนี อิงส์ และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน เป็น 3 ตัวรุก

เสียงนกหวีดดังขึ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นแบบระวังตัว ก่อนได้โอกาสจากลูกส้มหล่นนาทีที่ 7 ซิมง มิโยเลต์ นายทวาร ขว้างบอลติดส้นเท้า ฆวน มาตา กระดอนมาถึง มารูยาน เฟลไลนี ชิปสวนทันที แต่โด่งเกินไป รูปเกมยังเป็น เจ้าถิ่น ที่ตั้งเกมบุกใส่แบบไม่ผลีผลาม ขณะที่ ลิเวอร์พูล รอจังหวะโต้กลับ ทว่าขาดความแม่นยำ ครบ 45 นาที เสมอกันแบบจืดชืด 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลังเจ้าบ้านตัดสินใจแก้เกมทันที ด้วยการเปลี่ยนตัวสำรองคนแรกส่ง แอชลีย์ ยัง ลงมาแทน เมมฟิส เดปาย ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก

จนกระทั่งนาทีที่ 49 ปีศาจแดงก็มาได้ประตูขึ้นนำ จากลูกฟรีคิกทางกราบซ้ายที่ มาต้า เล่นลูกสูตรจ่ายเรียดไปแถวสองให้ ดาลีย์ บลินด์ แปเน้นๆด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม ส่งให้เจ้าบ้านออกนำ 1-0

ทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ พลาดโอกาสทองนาที 65 มาร์ติน สเคอร์เทล โหม่งเช็ดลูกเตะมุมกราบซ้ายของ เจมส์ มิลเนอร์ บอลขลุกขลิกกำลังจะข้ามเส้นประตู เดลีย์ บลินด์ ขวางไว้ทัน ถัดมา 5 นาที กลายเป็น “ปิศาจแดง” บวกสกอร์เพิ่ม โจ โกเมซ พุ่งเสียบ อันเดร์ เฮร์เรรา ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษ แล้วลุกมาสังหารเองไม่พลาดช่วยให้ปีศาจแดงหนีห่างเป็น 2-0

จากนั้นนาทีที่ 75 ทีมเยือนเกือบตีไข่แตกได้ จากจังหวะที่ เอ็มเร ชาน เคาะบอลไปสุดเส้นหลังให้ มิลเนอร์ เปิดเข้ากลางให้ เบนเทเก้ ขึ้นโหม่งแต่บอลก็ยังข้ามคานออกไปอีกอย่างน่าเสียดาย

ท้ายเกมนาทีที่ 83 ลิเวอร์พูลมีโอกาสอีกหน จากจังหวะที่ ไอบ์ ลากตัดเข้าในจากฝั่งขวา ก่อนจะกดด้วยซ้ายเต็มข้อ แต่ยังโดน เด เฮอา พุ่งปัดทิ้งออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่แล้วในนาทีที่ 84 หงส์แดงก็สามารถตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะที่ ไคลน์ โยนบอลจากกราบขวาเข้ากลางก่อนจะโดนแนวรับปีศาจแดงโหม่งสะกัดมาเข้าทาง เบนเทเก้ กระโดดยิงแบบจักรยานอากาศเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 1-2

ทีมเยือนดีใจอยู่แค่ 2 นาที ยูไนเต็ด ตอกฝาโลงสนิท อองโตนี มาร์กซิยาล โยกหนี มาร์ติน สเคอร์เทล หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้าย แปเสียบเสาไกล จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนน แซงขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง ส่วนลิเวอร์พูลอยู่อันดับ 9 มี 7 แต้มเท่าเดิม

รายชื่อ 11 ตัวจริง
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , คริส สมอลลิง , เดลีย์ บลินด์ , ลุค ชอว์ , มัตเตโอ ดาร์เมียน , เมมฟิส เดปาย , ฆวน มาตา , ไมเคิล คาร์ริค , อันเดร์ เฮร์เรรา , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ , มารูยาน เฟลไลนี
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์ , นาธาเนียล ไคลน์ , เดยัน ลอฟเรน , โจ โกเมซ , มาร์ติน สเคอร์เทล , เจมส์ มิลเนอร์ , ลูคัส เลวา , เอ็มเร คาน , คริสเตียน เบนเทโก , โรแบร์โต เฟอร์มิโน , แดนนี อิงส์

สวอนซี ซิตี้ 2 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สวอนซี ซิตี้  2 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สวอนซี ซิตี้ 2 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
30 สิงหาคม 2015 • 22:00 • ลิเบอร์ตี สเตเดียม, Swansea
ผู้ตัดสิน: ม. แอ็ตกินสัน • ผู้ชม: 2082


48' 0-1 Mata J. // 61' 1-1 Ayew A. // 66 ' 2-1 Gomis B

หลุยส์ ฟาน กัล ยังคงไม่สามารถคุมทีมเอาชนะสวอนซีได้ต่อไป หลังจากบุกไปโดยทีมดังแห่งเวลส์ทำแสบเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน และยังต้องแพ้เป็นนัดแรกในซีซั่นนี้ด้วย

แกรี มังค์ กุนซือเจ้าบ้าน ปรับทัพจากเกมแคมปิตอล วัน คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ถล่มยอร์ค ซิตี้ 3-0 เกือบยกชุด โดยเหลือเพียง เวย์น เราท์เลดจ์ แค่รายเดียวเท่านั้นที่ยังคงได้เป็น 11 คนแรกต่อไป โดยแนวรุกกลับมาใช้ตัวหลักอย่าง กิลฟี ซิเกิร์ดส์สัน, อังเดร อายิว และ บาเฟติมบี โกมิส ลงเล่นอีกครั้ง

ด้านทีมเยือนของ หลุยส์ ฟาน กัล เปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นจากศึกยูซีแอลเมื่อคืนวันพุธเพียงแค่ 2 รายเท่านั้น คือ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงแทน อั๊ดนาน ยานาไซ กับ ไมเคิล คาร์ริค ทำให้ อันเดร์ เอร์เรรา ถูกดันไปเป็นหน้าต่ำ โดยมี เวย์น รูนีย์ ที่เพิ่งระเบิดฟอร์มกดแฮตทริคในนัดล่าสุดยืนเป็นหน้าเป้า

เริ่มเกมมาเพียงนาทีเศษๆเท่านั้น เป็นปีศาจแดงที่ได้โอกาสทักทายก่อน จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษเยื้องมาทางฝั่งซ้ายที่ เดปาย ปั่นด้วยขวา บอลกระดอนพื้นเปลี่ยนทางเล็กน้อยแต่ยังโดน ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ พุ่งปัดออกข้างไปได้อย่างยอดเยี่ยม

ถัดมาอีก 2 นาที ปีศาจแดงได้ลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่ เมมฟิส เดปาย ลากตัดเข้าในจากกราบซ้าย ก่อนจะไหลให้ เอร์เรรา ตอกส้นต่อให้ ฆวน มาต้า กดด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ต่อมา นาทีที่ 20 ยังเป็นแมนฯยูฯที่ได้โอกาสบุกต่อเนื่อง จากจังหวะที่ เดปาย จ่ายเข้ากรอบเขตโทษให้ เอร์เรรา ดีดออกข้างต่อให้ มาต้า อัดด้วยซ้ายหวังให้เรียดเข้าเสาแรก แต่บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

จากนั้นสวอนซีเริ่มตั้งเกมได้บ้าง และมีโอกาสใกล้เคียงที่สุด ในนาทีที่ 24 จากลูกฟรีคิกเยื้องมาทางกราบขวาที่ จอนโจ้ เชลวีย์ เล่นเร็วจ่ายให้ โกมิส พลิกบอลต่อให้ ซิเกิร์ดส์สัน ตวัดยิงระยะเผาขน แต่บอลถากเสาออกไปหวุดหวิด

นาทีถัดมาหงส์ขาวมีโอกาสอีกครั้ง จากความผิดพลาดของ เซร์คิโอ โรเมโร ที่เตะเปิดเกมไม่ดีมาเข้าทาง เชลวีย์ ยิงไกลสวนเร็วทันที แต่นายด่านอาร์เจนไตน์ยังถอยกลับตำแหน่งไปคว้าบอลติดมือได้ทัน

ต่อมานาทีที่ 26 เจ้าบ้านยังลุยหนัก และเกือบจะขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ เชลวีย์ จ่ายบอลจากกลางสนามให้ โกมิส พลิกหนีแนวรับทีมเยือนก่อนจะดีดด้วยซ้าย แต่บอลพุ่งชนเสาเหลี่ยมนอกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 35 แมนฯยูฯได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะที่ ชไนเดอร์ลิน กระชากบอลขึ้นมาจากแดนกลาง ก่อนจะจ่ายให้ เอร์เรรา ลองส่องไกลด้วยซ้ายข้างไม่ถนัด แต่บอลยังเรียดหลุดเสาออกไปอีกรอบ ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังไร้สกอร์ เสมอ 0-0

ครึ่งหลังเริ่มมาได้เพียง 3 นาทีเท่านั้น แมนฯยูฯก็มาปลดล็อคยิงออกนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ลุค ชอว์ ลากบอลเติมเกมรุกขึ้นมาตั้งแต่กลางสนาม ก่อนจะเปิดเข้ากลาง ลูกลึกไปเสาสองมาเข้าทาง มาต้า แปเหน่งๆเสยตาข่ายเข้าไป ส่งให้ทีมเยือนบุกมานำ 1-0

ถัดมานาทีที่ 50 ปีศาจแดงเกือบจะบวกลูกสองได้อีกแบบโชคช่วยเล็กน้อย จากจังหวะที่ เดปาย เปิดบอลจากกราบขวาเข้ากลาง แต่ แอชลีย์ วิลเลียมส์ กองหลังกัปตันทีมสวอนซีสะกัดบอลผิดเหลี่ยมเกือบเข้าประตูตัวเอง ยังดีที่ ฟาเบียนสกี้ ผวาปัดทิ้งได้แบบมีเสียว

จากนั้นนาทีที่ 59 ทีมเยือนได้ลุ้นอีกครา จากจังหวะที่ เอร์เรรา จ่ายทะลุช่องจากหน้ากรอบเขตโทษให้ มาต้า ยิงมุมแคบด้วยซ้ายแต่ยังตรงตัว ฟาเบียนสกี้ ตะปบได้หวุดหวิด

แต่แล้วในนาทีที่ 61 กลับเป็นสวอนซีที่มาตีเสมอได้ จากจังหวะที่ ซิเกิร์ดส์สัน ครอสบอลจากฝั่งขวาให้ อายิว โหม่งเต็มศีรษะส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเด็ดขาด ชนิดที่ โรเมโร หมดสิทธิ์ป้องกัน ช่วยให้หงส์ขาวตีเสมอเป็น 1-1 และยังทำให้ปีศาจแดงเสียประตูแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อีกด้วย

หลังจากตีเสมอได้ เกมก็เริ่มเข้าทางเจ้าบ้าน จนกระทั่งนาทีที่ 66 ก็มาพลิกขึ้นนำจนได้ จากจังหวะที่ อายิว จ่ายไซด์ก้อยจากริมเส้นฝั่งขวาให้ โกมิส วิ่งโฉบมาแปสวนตัว โรเมโร เข้าไป ส่งให้สวอนซีออกนำ 2-1

จากนัั้นเป็นปีศาจแดงที่พับสนามบุกอย่าหนักเพื่อหวังตีเสมอให้ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นสวอนซีที่แซงเอาชนะไปหวุดหวิด 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 8 แต้ม แซงขึ้นมารั้งที่ 4 ส่วนแมนฯยูฯแพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้ หล่นมาอยู่อันดับ 5 มี 7 คะแนนเท่าเดิม

แอสตัน วิลลา 0 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แอสตัน วิลลา 0 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
29' 0-1 อัดนาน ยานูไซจ์


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แอสตัน วิลลา - แบรด กูซาน, ไมกาห์ ริชาร์ดส, เคียแรน คลาร์ก, เลอันโดร บาคูนา, จอร์แดน อามาวี, อิดริสซา กูอาย, แอชลีย์ เวสต์วูด, จอร์แดน เวเรทูต์, สกอตต์ ซินแคลร์, กาเบรียล อักบอนลาฮอร์, จอร์แดน อายิว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เซร์คิโอ โรเมโร, คริส สมอลลิง, ดาลีย์ บลินด์, ลุค ชอว์, มัตเตโอ ดาร์เมียน, เมมฟิส เดปาย, ฆวน มาตา, อัดนาน ยานูไซจ์, ไมเคิล คาร์ริค, มอร์แกน ชไนเดอร์แลง, เวย์น รูนีย์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0 ทอตแนม ฮอตสเปอร์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0 ทอตแนม ฮอตสเปอร์
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2558


22' 1-0 Walker K. (O.G)




รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เซร์คิโอ โรเมโร, คริส สมอลลิง, ดาร์ลี บลินด์, ลุค ชอว์, มัตเตโอ ดาร์เมียน, เมมฟิส เดปาย, ฆวน มาตา, ไมเคิล คาร์ริค, แอชลีย์ ยัง, มอร์แกน ชไนเดอแลง, เวย์น รูนีย์

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ : มิเชล วอร์ม, ไคล์ วอล์คเกอร์, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ตองเกน, เบน เดวิส์, นาบิล เบนตาเล็บ, เอริค ไดเออร์, มูซา เดมเบเล, นาเซอร์ ชาดลี่, คริสเตียน อีริคเซน, แฮร์รี เคน


BARCELONA 1 - 3 MANCHESTER UNITED

BARCELONA 1 - 3 MANCHESTER UNITED
25-07-2015



7' เวย์น รูนีย์ // 64' เจสซี ลินการ์ด// 89' เซร์กี โรเบร์โต// 90' อัดนาน ยานาไซ

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง
บาร์เซโลนา : มาร์ก-อังเดร สเตเกน, เคราร์ด ปิเก, จอร์ดี อัลบา, อาเดรียโน, โธมัส แฟร์มาเลน, ราฟินญา, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสตา, เซร์กี โรเบร์โต, เปโดร, หลุยส์ ซัวเรซ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาวิด เด เคอา, ลุค ชอว์, ฟิล โจนส์, ดาลีย์ บลินด์, มัตเตโอ ดาร์เมียน, มอร์แกน ชไนเดอแลง, ฆวน มาตา, เมมฟิส เดปาย, ไมเคิล คาร์ริค, แอชลีย์ ยัง, เวย์น รูนีย์


MANCHESTER UNITED 3-1 ASTON VILLA

MANCHESTER UNITED 3-1 ASTON VILLA
04-04-2015



43' Ander Herrera 1-0 // 79' Wayne Rooney 2-0 // 80' 2-1 Christian Benteke // 90' Ander Herrera 3-1

Liverpool 1-2 Manchester Utd

Liverpool 1-2 Manchester Utd

2015.03.22




//14′ 0-1 Juan Mata // 54′ 0-2 Mata//69′ 1-2 Sturridge
ผลบอลลิเวอร์พูล 1-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, คลิปไฮไลท์แมนฯยู, แดงเดือด

ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด

ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด

"ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมายัดเยียความปราชัยแก่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ซึ่งเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน แบบหวุดหวิด 1-2 จากการเหมา 2 ประตูของ ฆวน มาตา เพลย์เมกเกอร์ชาวสเปน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา รักษาอันดับ 4 พรีเมียร์ ลีก ไว้อย่างเหนียวแน่น

ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล ใส่ชื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด เป็นเพียงสำรอง ส่ง โจ อัลเลน คุมเกมแดนกลางกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม แนวรุกจัด แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ประสานงาน ฟิลิปเป คูตินโญ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ล่าตาข่าย รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำโดย เวย์น รูนีย์ รับบทหัวหอกตัวเป้า และ ฆวน มาตา ปั้นเกมรุก

เสียงนกหวีดดังขึ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ค่อยๆ ลำเลียงบอลขึงแทบตลอดช่วงต้น ก่อนขึ้นนำอย่างรวดเร็วนาที 14 อันเดร์ เฮร์เรรา แทงทะลุช่องมาทางขวา ฆวน มาตา เร่งสปีดเข้าเขตโทษ ยิงนิ่มๆ สวน ซิมง มิโญเลต์ นายทวาร เสียบเสาไกล ทีมเยือน ยังทำเกมได้เหนือกว่า แต่ไม่มีลุ้นประตูเพิ่ม

ลิเวอร์พูล ที่ยังต่อกันไม่ติด น่าตีเสมอแบบสุดๆ นาที 35 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวาล้นมาถึง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ตบเข้ากลาง อดัม ลัลลานา สอดมาแปแบบโล่งๆ เฉี่ยวเสาซ้ายมือ ครบ 45 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ 1-0

ลุยต่อครึ่งหลัง สถานการณ์ เจ้าถิ่น ย่ำแย่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งลงสนามแทน อดัม ลัลลานา เพียง 1 นาทีเศษ เจอผู้ตัดสินชักใบแดงไล่ออก ข้อหาเจตนาย่ำข้อเท้า อันเดร์ เฮร์เรรา ที่พุ่งสไลด์เปิดปุ่มเข้าหา จากนั้น 10 คนของ "หงส์แดง" ยังเปิดหน้าแลกได้สนุก แต่ก็ต้านไม่อยู่ ถูกทิ้งห่างนาที 59 อังเคล ดิ มาเรีย ตัวสำรอง ยกบอลโด่งมาเขตโทษด้านขวา ฆวน มาตา ลอยตัวฟาดเสียบมุมเสาไกล 2-0

เข้าสู่นาที 69 สาวก "เดอะ ค็อป" เริ่มมีความหวัง ไมเคิล คาร์ริค ถูกแย่งบอลกลางสนาม ฟิลิปเป คูตินโญ เก็บได้ ลากจากกราบซ้ายมาตรงกลาง แล้วแทงเข้าเขตโทษด้านขวา แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ยิงยัดเสาแรก ซุกก้นตาข่าย 2-1 ช่วงทดเจ็บ "ปิศาจแดง" ชวดตอกฝาโลง เอ็มเร คาน กระแทก เดลีย์ บลินด์ ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษ เวย์น รูนีย์ ยิงติดเซฟ ซิมง มิโญเลต์ จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 59 แต้ม จาก 30 นัด ขยับหนี ลิเวอร์พูล 5 แต้ม

รายชื่อ 11 ตัวจริง
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์ , มามาดู ซาโก , เอ็มเร คาน , มาร์ติน สเคอร์เทล , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , อัลแบร์โต โมเรโน , อดัม ลัลลานา , โจ อัลเลน , ฟิลิปเป คูตินโญ , แดเนียล สเตอร์ริดจ์ , ราฮีม สเตอร์ลิง
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , ฟิล โจนส์ , คริส สมอลลิง , เดลีย์ บลินด์ , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , ฆวน มาตา , ไมเคิล คาร์ริค , แอชลีย์ ยัง , อันเดร์ เฮร์เรรา , มารูยาน เฟลไลนี , เวย์น รูนีย์

Manchester United 3-0 Tottenham Hotspur


Manchester United 3-0 Tottenham Hotspur

15.03.2015



9′ 1-0 Fellaini // 19′ 2-0 Carrick M.// 34′ 3-0 Rooney W.

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

ป้ายกำกับ

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (360) ข่าวสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (98) พรีเมียร์ลีก 2011/2012 (87) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (66) พรีเมียร์ลีก 2010/2011 (58) พรีเมียร์ลีก 2015/2016 (48) ลิเวอร์พูล (33) อาร์เซนอล (30) พรีเมียร์ลีก 2012/2013 (29) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (29) เชลซี (27) ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส (26) สโต๊ค ซิตี้ (26) นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (24) แอสตัน วิลล่า (23) เอฟเวอร์ตัน (21) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (20) ฟูแล่ม (18) นอริช ซิตี้ (17) ฟุตบอลอุ่นเครื่อง/กระชับมิตร (17) สวอนซี ซิตี้ (17) ซันเดอร์แลนด์ (16) พรีเมียร์ลีก 2014/2015 (16) วีแกน (16) แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (14) โบลตัน (14) UEFA (13) วูล์ฟแฮมป์ตัน (13) ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส (12) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (11) เซาธ์แฮมป์ตัน (9) เลสเตอร์ ซิตี้ (7) วัตฟอร์ด (6) เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (6) แบล็คพูล (6) คริสตัล พาเลส (5) พรีเมียร์ลีก 2016/2017 (5) เอเอฟซี บอร์นมัธ (5) พรีเมียร์ลีก 2013/2014 (4) เรดดิง (4) บาร์เซโลนา (3) ชาลเก้ 04 (2) วาเลเรนกา (2) LEAGUE CUP (1) กลาสโกว์ เรนเจอร์ (1) กว่างตง (1) กาลาตาซาราย (1) คลิปในตำนานแมนยูฯ (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2010/2011 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2011/2012 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2012/2013 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2013/2014 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2015/2016 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2016/2017 (1) นิวยอร์ค คอสมอส (1) บาเลนเซีย (1) พีเอสวี (1) ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (1) ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (1) รีล มาดริด (1) อิปสวิช ทาวน์ (1) เบิร์นลี่ย์ (1) เอฟเอ คัพ (1) แอธเลติก บิลเบา (1) โคโลญจน์ (1) โวล์ฟบวร์ก (1) ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (1)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.