เซาแธมป์ตัน 3 - 0 นอริช ซิตี้

เซาแธมป์ตัน  3 - 0 นอริช ซิตี้
เซาแธมป์ตัน 3 - 0 นอริช ซิตี้
30 สิงหาคม 2015 • 19:30 • St. Mary's Stadium, Southampton, Hampshire
ผู้ตัดสิน: J. Moss • ผู้ชม: 29573


45' 1-0 Pellè G. // 64' 2-0 Tadić D. // 67' 3-0 Tadić D.

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 0 - 0 เอฟเวอร์ตัน

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 0 - 0 เอฟเวอร์ตัน
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 0 - 0 เอฟเวอร์ตัน
29 สิงหาคม 2015 • 23:30 • White Hart Lane, London
ผู้ตัดสิน: M. Jones • ผู้ชม: 35865

สโต๊ค ซิตี้ 0 - 1 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

สโต๊ค ซิตี้ 0 - 1 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
สโต๊ค ซิตี้ 0 - 1 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
29 สิงหาคม 2015 • 21:00 • Britannia Stadium, Stoke-on-Trent, Staffordshire
ผู้ตัดสิน: M. Oliver • ผู้ชม: 26747

45' 0-1 Rondon S.

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 0 วัตฟอร์ด

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 0 วัตฟอร์ด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 0 วัตฟอร์ด
29 สิงหาคม 2015 • 21:00 • Etihad Stadium, Manchester
ผู้ตัดสิน: ม. แคล็ทเทนเบิร์ก • ผู้ชม: 53218

47' 1-0 Sterling R. // 56' 2-0 Fernandinh

เกมนี้มานูเอล เปเยกรินี วางเซร์คิโอ อเกวโร เป็นตัวทีเด็ดในแดนหน้า โดยมี ราฮีม สเตอร์ลิง, ดาบิด ซิลบาและ เฆซุส นาบาสทำเกมสนับสนุน ด้านกีเก้ ซานเชซ ฟลอเรน วางทรอย ดีนีย์ เป็นหน้าเป้า พร้อมให้วารอน เบห์รามี คุมเกมตรงกลาง ส่วนผู้รักษาประตูเป็นเอร์เรลโญ โกเมส

เริ่มเกมมาเป็นแมนฯซิติ้ ที่เดินเกมบุกอย่างหนักตั้งแต่วินาทีแรก และนาทีที่ 21 ก็มาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกแต่โคลารอฟก็ยังยิงข้ามคานออกไป

นาทีที่ 26 แมนฯซิติ้ สามารถส่องบอลได้ตรงกรอบครั้งแรกจากลูกเตะมุมที่ขลุกขลิกกันและกอมปานี จ่ายให้ซานญายิงไปติดเซฟของโกเมสอีก

และนาทีต่อมาเป็นสเตอร์ลิงที่สปีดขึ้นมาทางซ้ายก่อนซัดกะเสียบเสาแรกแต่โกเมสยังปัดออกหลังไปได้อีก

นาที 39 แมนฯซิติ้ มาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่กอมปานีตัดบอลได้ก่อนจ่ายให้อเกวโรหมุนตัวยิงหลุดเสาสองไปอีก และก็ไม่มีลุ้นเพิ่มเติมจบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

เริ่มครึ่งหลังมาแค่สองนาที แมนซิติ้มาได้ประตูออกนำจนได้จากจังหวะที่ซานญาครอสไปให้สเตอร์ลิงชาร์จเข้าไปให้ทีมนำ 1-0 และเป็นประตูแรกของเขาในเสื้อสีฟ้า

นาที 56 แมนฯซิติ้มาได้ประตูนำห่างออกไปจากลูกฟรีคิกที่ตูเร่ ยิงไปติดกำแพงเด้งมาเข้าทางซิลบาก่อนจ่ายให้แฟร์นันดินโญยิงเข้าไปให้ทีมนำ 2-0

นาทีที่ 58 แมนฯซิติ้ พลาดลูกที่สามไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากจังหวะที่อเกวโรได้ยิงในระยะ 12 หลาออกไปนิดเดียว

นาที 66 วัตฟอร์ดมาได้ลุ้นลูกตีไข่แตกบ้างจากจังหวะที่อันยาเติมมาทางซ้ายก่อนยิงแต่จังหวะสุดท้ายไปติดบล็อคของซานญา

นาทีที 75 แมนฯซิติ้ ส่งฟาเบียน เดลฟ์ลงมาเล่นแทนดาบิด ซิลบา และเป็นนัดแรกของเขากับทีมใหม่ ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกมแมนฯซิติ้ เอาชนะวัตฟอร์ดไป 2-0 มี 12 คะแนนเต็มจาก 4 นัด รั้งจ่าฝูงต่อไป

ลิเวอร์พูล 0 - 3 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ลิเวอร์พูล 0 - 3 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ลิเวอร์พูล 0 - 3 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
29 สิงหาคม 2015 • 21:00 • Anfield, Liverpool
ผู้ตัดสิน: K. Friend • ผู้ชม: 43680


3' 0-1 Lanzini M. // 29' 0-2 Noble M. // 92' 0-3 Noble M.

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 4 ที่สนามแอนฟิลด์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ก่อนเกมรั้งอันดับ 3 ของตาราง เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนเกมรั้งอันดับ 11 ของตาราง สำหรับสถิติก่อนเกม 'ขุนค้อน' ไม่เคยบุกมาเอาชนะ 'หงส์แดง' ในบ้านมา 42 เกมติดต่อกัน

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเจ้าบ้านตัดสินใจใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อนที่บุกไปเสมอ อาร์เซนอล 0-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน นำโดย คริสเตียน เบนเตเก้ ค้ำหอกหน้าเป้าโดยมี ฟิลิปป์ คูตินโญ และ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน ทำเกมหลังกองหน้า กองกลางเป็น เจมส์ มิลเนอร์ สวมปลอกแขนกัปตันทีม ขณะที่แผงหลังยังใช้งาน มาร์คิน สเคอร์เทล คู่กับ เดยาน ลอฟเรน

ด้านทีมเยือนของ สลาเวน บีลิช มีปัญหาในการจัดทัพผู้เล่นเล็กน้อยเมื่อจะต้องขาดสองผู้เล่นตัวจริงอย่าง อาเดรียน และ คาร์ล เจนกินสัน ที่ติดโทษแบน โดยเกมนี้ขยับเอา เจมส์ ทอมกินส์ มาเล่นเป็นแบ็คขวา ส่วนกองกลางเป็น มาร์ค โนเบิล สวมปลอกแขนกัปตันทีม ขณะที่แนวรุกเป็น มานูเอ ลานซินี, ดิยาฟรา ซาโก้ และ ดิมิทรี ปาเยต์

เริ่มเกมได้แค่ 3 นาที เวสต์แฮมที่ขึ้นลุกครั้งแรกของเกมได้ประตูนำออกนำเร็วทันทีจากจังหวะที่ สเคอร์เทล โหม่งบอลสกัดไปหน้ากรอบเขตโทษมาเข้าทาง อารอย เครสเวลล์ ที่บรรจงเปิดเข้ามาให้ ลานซินี วิ่งเบียด โจ โกเมซ ก่อนจิ้มง่ายๆ เข้าประตูส่งทีมเยือนนำก่อน 0-1

น.28 ขุนค้อนได้ประตูนำห่าง 0-2 และต้องเรียกว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยจริงๆ สำหรับ เดยาน ลอฟเรน ที่หวงบอลไม่ยอมให้ออกหลังแต่ดันทำเสียให้ ลานซินี ฉกไปก่อนไหลเข้ากลางมา แม้กองหลังหงส์แดงจะพยายามสกัดแต่บอลก็ยังไปเข้าทางของ โนเบิล ที่วิ่งเข้ามาแปบอลไปทางเสาแรกเข้าประตูไป

ช่วงเวลาที่เหลือหงส์แดงพยายามทำเกมรุกเต็มที่แต่ก็เจาะแนวรับของขุนค้อนที่ยืนกันอย่างเนืองแน่นในฝั่งตัวเองไม่ไหว ทำให้หมดครึ่งเวลาแรกเป็นลูกทีมของ บีลิช ที่บุกมานำก่อน 0-2

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อยู่เฉยไม่ไหวตัดสินใจถอดเอา เอ็มเร จัน ออกแล้วส่ง อัลแบร์โต้ โมเรโน ลงสนามในตำแหน่งวิงแบ็ค พร้อมกับปรับแผนเป็นยืนหลังสามคนโดยขยับเอา โกเมซ ไปเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็คฝั่งขวา

สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วกลับเลวร้ายลงกว่าเดิมเมื่อผ่านครึ่งหลังได้แค่ 7 นาที ฟิลิปป์ คูตินโญ เข้าสกัดใส่ ปาเยต์ แล้วพลาด เควิน เฟรนด์ ไม่ลังเลควักใบเหลืองที่สองส่งเจ้าตัวไปปสงบสติอารมณ์ในห้องแต่งตัวทันทีม โดยมิดฟิลด์แซมบ้าจะติดโทษแบนหนึ่งนัดและพลาดลงสนามให้ทีมในศึกแดงเดือดที่จะบุกไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด สัปดาห์หน้าด้วย

นาทีที่ 79 ความหวังของ ลิเวอร์พูล เริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อ มาร์ค โนเบิล เข้าสกัดหนักใส่ แดนนี อิงส์ และ เควิน เฟรนด์ ก็พิจารณาเป็นจังหวะอันตรายจึงตัดสินใจแจกใบแดงใส่กัปตันทีมเวสต์แฮมทันที ถึงตอนนี้ผู้เล่นในสนามทั้งสองทีมเท่ากันแล้ว

น.90+2 เวสต์แฮมได้ประตูตอกฝาโลง 0-3 จาก ดิยาฟรา ซาโก้ จังหวะตอนแรกดูจะไม่อันตรายอะไร แต่กองหน้าชาวฝรั่งเศสก็ฉวยโอกาสที่แนวรับหงส์แดงเผลอแล้วจัดการซัดไกลนอกกรอบเขตโทษไปทางเสาแรกสุดคมเข้าประตูชนิดที่ มินโญเลต์ ได้แต่ยืนมอง ทำให้จบเกมพวกเขาบุกมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ถึงแอนฟิลด์ 0-3 นับเป็นการบุกมาเก็บชัยชนะในสนามนี้ครั้งแรกรอบ 52 ปีเลยทีเดียว

เชลซี 1 - 2 คริสตัล พาเลซ

เชลซี 1 - 2 คริสตัล พาเลซ
เชลซี 1 - 2 คริสตัล พาเลซ
29 สิงหาคม 2015 • 21:00 • Vitality Stadium, Bournemouth, Dorset
ผู้ตัดสิน: N. Swarbrick • ผู้ชม: 11155


65' 0-1 Sako B. // 79' 1-1 Falcao // 81' 1-2 Falcao

เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษนัดที่ 4 เชลซีแชมป์เก่าเปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ คริสตัล พาเลซ

ฝ่ายเจ้าบ้าน โชเซ มูรินโญ เลือกใช้นักเตะรายใหม่อย่าง เปโดร เป็นตัวจริงต่อเนื่อง ร่วมกับตัวหลักครบครันอาทิ คอสต้า, อาซาร์, วิลเลียน, ฟาเบรกาส

ส่วนทางฝั่งทีมเยือน อลัน พาร์ดิว ก็ฝากความหวังไว้ที่ โยฮัน กาบาย ที่ย้ายกลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เกมรุกใช้ คอนนอร์ วิคแฮม, วิลฟรีด ซาฮา, เจสัน พันเชียน และ บาคารี ซาโก

10 นาทีแรก ทั้งสองทีมต่างยังคงตั้งเกมกันไม่ได้ แม้เชลซีจะครองบอลได้มากกว่าแต่ก็ไม่สามารถจบสกอร์ได้ใกล้เคียงการเป็นประตูมากนัก

นาทีที่ 21 เกมเริ่มมีการปะทะหนักขึ้นและเชลซ๊เริ่มเร่งเกม วิลเลียน พาบอลลากเข้าหาประตูก่อนจ่ายทะลุช่องมาพบ อาซาร์ ที่วิ่งเติมมาทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ เปิดตัดเข้ากลางแต่ผู้เล่นทีมเยือนเคลียร์บอลออกมาได้

นาทีที่ 24 คริสตัล พาเลซ มีจังหวะเข้าทำให้เห็นบ้าง บอลยาวจากเส้นกลางสนามมาอยู่ที่ ซาโก้ บาคารี ซาโก ได้สับไก แต่ กูร์ตัวส์ ใช้ขาเซฟไว้ได้

ผ่านครึ่งชั่วโมงจังหวะของเกมเร็วขึ้นและทั้งสองมีโอกาสในการยิงประตูใกล้เคียงกัน

นาทีที่ 39 อัซปิลิกวยต้า ครองบอลอยู่ที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนหยอดเข้าไปให้ คอสต้า ได้เหยียดขาแต่โดนเบียดกับผู้เล่นพาเลซ ยังคงพลาดโอกาสการทำประตู

นาทีที่ 41 เชลซียังได้บุกอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสเข้าทำที่อันตรายให้เห็นเยอะขึ้น คอสต้า ได้ซัดเต็มข้อทะแยงมุมจากทางฝั่งขวา แต่อเล็กซ์ แม็คคาร์ธีย์ ซูเปอร์เซฟไว้ได้ บอลไปเข้าทาง เชสก์ ฟาเบรกาส ซ้ำเต็มข้อเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังโดนบล็อคจากผู้เล่นทีมเยือน ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เปโดร จะตามเข้ามาซ้ำดาบสามแต่ฝ่ายรับเคลียร์บอลออกไปแถวสองได้ก่อน

นาทีที่ 42 เชลซียังเก็บบอลที่แถวสองได้และเคาะกันไปมาก่อนที่ เนมานยา มาติช จะมีโอกาสจบ แต่ยังทำได้แบบไม่มีลุ้น เวลาที่เหลือยังไม่มีใครเบิกสกอร์ได้ครึ่งแรกจบลงแบบไร้สกอร์ 0-0

เชลซีกลับมาเขี่ยลูกเล่นต่อ ช่วงต้นครึ่งหลังทั้งสองทีมเปิดแลกกันและมีจังหวะอันตรายที่หน้าประตูทั้งสองฝ่ายอยู่หลายจังหวะ

นาทีที่ 54 พันเชียน ไหลบอลให้ บาคารี ซาโก ลากบอลตรงเข้าหาประตูก่อนยิงด้วยเท้าขวาที่แม้จะเป็นข้างที่ไม่ถนัดแต่ก็ได้ลุ้นให้ กูร์ตัวส์ ต้องออกแรงพุ่งเซฟ

หลังผ่านหนึ่งชั่วโมงเชลซีบุกหนักนาทีที่ 61 อาร์ซาเปิดเข้ากลาง ดาเมียน เดลานีย์ อิวาโนวิชยิงซ้ำ

นาทีที่ 63 ดิเอโก คอสต้า พาบอลลุยเดี่ยวมาตั้งแต่กลางสนาม แหวกแผงหลังคริสตัล พาเลซไปถึงกรอบเขตโทษ ก่อนฝากให้ เปโดร ได้จบสกอร์ แต่แม็คคาร์ธีย์ ปัดปลายมือออกไปได้

เชลซีได้เตะมุม และมีแกรี เคฮิล ที่ได้ขึ้นโหม่ง บอลไม่มีน้ำหนักทำให้แผงหลังทีมเยือนเคลียร์ออกไปได้

 นาทีที่ 65 ทีมเยือนโต้กลับเร็วมาทางริมเส้น บอลมาถึงยานนิค โบลาซี จ่ายเข้ากลางให้ บาคารี ซาโก ได้ยิงจ่อๆจังหวะแรกติด อัซปิลิกวยต้า แต่ยังไม่แปลซ้ำข้ามตัว กูร์ตัวส์ เข้าไปที่กลางประตูให้คริสตัล พาเลซ ขึ้นนำ 0-1

นาทีที่ 68 คริสตัล พาเลซ โหมบุกต่อเนื่อง บอลอยู่ที่ริมเส้นฝั่งซ้ายเกือบสุดเส้นหลังก่อนโยนเข้ากลาง เจสัน พันเชียน ได้วอลเลย์แต่โดนบอลไม่ดี บอลกระดอนพื้นหลุดกรอบไปไกล

ทีมเยือนยังเรียกเสียงฮือฮาไม่ขาดสายเมื่อ บาคารี ซาโก พาบอลมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดตัดกลองหลังไปถึง โบลาซี ได้ยิงแต่ยังไม่ดีพอหลุดกรอบออกไปในนาทีที่ 72

นาทีที่ 79 บอลจากกลางสนามของเชลซี เปิดฉีกไปที่ริมเส้นฝั่งขวา เปโดร เปิดกลับเข้ามา ราดาเมล ฟัลเกา พุ่งโหม่งบอลพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไปให้สิงห์บลูตีเสมอ 1-1

เจ้าถิ่นใจชื้นได้ไม่นาน นาทีที่ 80 โบลาซี ครองบอลหาจังหวะอยู่ที่นอกกรอบฝั่งซ้าย ก่อนเชเปิดลึกไปถึงเสาสอง ซาโก ตวัดกลับมา โจเอล วอร์ด พุ่งโหม่งเผาขนให้ พาเลซขึ้นนำอีกครั้ง 1-2

เกมของทีมเยือนดูดีกว่าทำให้เชลซีต้องเร่งเกมมากขึ้นก่อนหมดเวลาเจ้าถิ่นมีโอกาสได้ยิงแต่ก็กลายเป็นสกัดบอลกันเองพลาดโอกาสตามตีเสมออีกครั้ง

ทดเวลาครึ่งหลัง 5 นาที เชลซียิงได้หลายจังหวะแต่ยังคิดบล็อคของ ทั้งแผงหลัง คริสตัล พาเลซ และ นายประตู สุดท้ายไล่ไม่ทัน เชลซี เปิดบ้านแพ้ คริสตัล พาเลซ 1-2

เอเอฟซี บอร์นมัธ 1 - 1 เลสเตอร์ ซิตี้

เอเอฟซี บอร์นมัธ 1 - 1 เลสเตอร์ ซิตี้

เอเอฟซี บอร์นมัธ 1 - 1 เลสเตอร์ ซิตี้

29 สิงหาคม 2015 • 21:00 • Vitality Stadium, Bournemouth, Dorset
ผู้ตัดสิน: N. Swarbrick • ผู้ชม: 11155



24' 1-0 Wilson C. // 86' 1-1 Vardy J.

แอสตัน วิลลา 2 - 2 ซันเดอร์แลนด์

แอสตัน วิลลา 2 - 2 ซันเดอร์แลนด์

แอสตัน วิลลา 2 - 2 ซันเดอร์แลนด์

29 สิงหาคม 2015 • 21:00 • Villa Park, Birmingham
ผู้ตัดสิน: R. Madley • ผู้ชม: 35399


8' 0-1 M'Vila Y. // 11' 1-1 Sinclair S. // 41' 2-1 Sinclair S. // 52' 2-2 Lens

นิวคาสเซิล 0 - 1 อาร์เซนอล

นิวคาสเซิล 0 - 1 อาร์เซนอล

นิวคาสเซิล 0 - 1 อาร์เซนอล
29 สิงหาคม 2015 • 18:45 • St. James' Park, Newcastle-upon-Tyne
ผู้ตัดสิน: A. Marriner • ผู้ชม: 50388



52' 0-1 (o.g.) Fabricio Coloccini


การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 4 ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ระหว่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนเกมรั้งอันดับ 17 ของตาราง เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซนอล ก่อนเกมรั้งอันดับ 9 ของตาราง โดยสถิติที่ผ่านมาพบว่า 'ไอ้ปืนใหญ่' ไม่เคยบุกมาพ่าย 'สาลิกาดง' นับตั้งแต่ ธ.ค. ปี 2005 ที่ครั้งนั้นแพ้ไป 1-0 จากประตูโทนของ โนลเบอร์โต้ โซลาโน

สตีฟ แม็คคลาเรน เทรนเนอร์เจ้าถิ่น มีข่าวดีเมื่อได้ 2 แกนหลักอย่าง มุสซา ซิสโซโก้ หายจากอาการบาดเจ็บ และ ดารีล ยานมาตต์ พ้นโทษแบนกลับมาออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงอีกครั้ง โดยยังคงใช้ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยืนเป็นหน้าเป้าไล่ล่าตาข่ายเช่นเคย และมี จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กับ ฟลอริย็อง โตแว็ง คอยเติมสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

ขณะที่ฝั่งผู้มาเยือนของกุนซือ อาร์แซน เวงเกอร์ มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย โดยได้ โลร็องต์ กอสเซียลนี หายเจ็บหลังกลับมาคุมแนวรับอีกครั้ง แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน เมซุต โอซิล เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติเยอรมันที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ทำให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ได้โอกาสลงมาทำหน้าที่แทน พร้อมกับดร็อป โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ไว้ที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง ธีโอ วัลคอตต์ ยืนเป็นหน้าเป้า

เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 16 เจ้าถิ่นต้องมาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช พักอกและกำลังตามไปเล่นบอล แต่กลายเป็นไปย่ำใส่ข้อเท้าของ ฟรองซิส โกเกอแล็ง ทำให้ อังเดร มาริเนอร์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ควักใบแดงให้ มิโตรวิช ทันที ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้เล่น นิวคาสเซิล และแฟนบอลทั้งสนาม

หลังจากได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น ทำให้ อาร์เซนอล ครองบอลบุกได้มากกว่าโดยปริยาย และมีเปอร์เซ็นครองบอลสูงถึง 75-25% แต่ต้องรอจนถึงนาทีที่ 31 พวกเขาถึงมาได้โอกาสลุ้นประตูแบบจะๆครั้งแรก จากจังหวะที่ อเล็กซิส ซานเซซ ลองส่องไกลด้วยขวาเต็มข้อ ทว่าถูก ทิม ครูล ผู้รักษาประตูทีมเยือนพุ่งปัดสุดปลายมือ แต่ไม่พ้นอันตรายเข้าทาง ธีโอ วัลคอตต์ ตามซ้ำจ่อๆออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ

เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0

กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้ไม่นาน เพียงนาทีที่ 52 ทีมเยือนที่เหลือผู้เล่นมากกว่ามาทำประตูออกนำไปก่อนจนได้ จากลูกที่ ซานติ กาซอร์ลา ยิงจังหวะแรกไปติดบล็อคแนวรับเจ้าถิ่น บอลกระดอนออกมาเข้าทาง อารอน แรมซีย์ ซ้ำเต็มข้อจากแถวสองก็ยังไม่ผ่านมือของ ทิม ครูล ที่พุ่งปัดออกมาเข้าทาง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ซ้ำดาบสามในกรอบเขตโทษ บอลแฉลบขา ฟาบริซิโอ โคลอชชินี เปลี่ยนทางเสียบเสาไกลเข้าไป ช่วยให้อาร์เซนอลขึ้นนำ 1-0

ถัดมาในนาทีที่ 66 ทีมเยือนมีโอกาสลุ้นประตูที่สอง จากจังหวะที่ อารอน แรมซีย์ ไหลในกรอบเขตโทษฝั่งขวาย้อนกลับมาให้ ซานติ กาซอร์ลา วิ่งเข้ามาใส่ด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ บอลติดไซร้ก้อยแต่ยังพุ่งไปตรงตัวของ ทิม ครูล รับเข้าซองเอาไว้ได้แบบสบายมือ จากนั้นเวลาที่เหลือทำอะไรเพิ่มไม่ได้ แม้ทีมเยือนจะเป็นฝ่ายพับสนามบุกตลอดทั้งเกมก็ตาม

จบเกม อาร์เซนอล บุกเฉือนชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ต้นเกมไปแบบหืดจับ 1-0 เก็บสามคะแนนสำคัญ ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 5 ของตาราง โดยมี 7 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับตามหลังจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 2 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 1 นัด

แอสตัน วิลลา 0 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แอสตัน วิลลา 0 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
29' 0-1 อัดนาน ยานูไซจ์


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แอสตัน วิลลา - แบรด กูซาน, ไมกาห์ ริชาร์ดส, เคียแรน คลาร์ก, เลอันโดร บาคูนา, จอร์แดน อามาวี, อิดริสซา กูอาย, แอชลีย์ เวสต์วูด, จอร์แดน เวเรทูต์, สกอตต์ ซินแคลร์, กาเบรียล อักบอนลาฮอร์, จอร์แดน อายิว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เซร์คิโอ โรเมโร, คริส สมอลลิง, ดาลีย์ บลินด์, ลุค ชอว์, มัตเตโอ ดาร์เมียน, เมมฟิส เดปาย, ฆวน มาตา, อัดนาน ยานูไซจ์, ไมเคิล คาร์ริค, มอร์แกน ชไนเดอร์แลง, เวย์น รูนีย์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0 ทอตแนม ฮอตสเปอร์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0 ทอตแนม ฮอตสเปอร์
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2558


22' 1-0 Walker K. (O.G)




รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เซร์คิโอ โรเมโร, คริส สมอลลิง, ดาร์ลี บลินด์, ลุค ชอว์, มัตเตโอ ดาร์เมียน, เมมฟิส เดปาย, ฆวน มาตา, ไมเคิล คาร์ริค, แอชลีย์ ยัง, มอร์แกน ชไนเดอแลง, เวย์น รูนีย์

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ : มิเชล วอร์ม, ไคล์ วอล์คเกอร์, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ตองเกน, เบน เดวิส์, นาบิล เบนตาเล็บ, เอริค ไดเออร์, มูซา เดมเบเล, นาเซอร์ ชาดลี่, คริสเตียน อีริคเซน, แฮร์รี เคน


Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

คลังคลิปไฮไลท์

ป้ายกำกับ

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (360) ข่าวสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (98) พรีเมียร์ลีก 2011/2012 (87) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (66) พรีเมียร์ลีก 2010/2011 (58) พรีเมียร์ลีก 2015/2016 (48) ลิเวอร์พูล (33) อาร์เซนอล (30) พรีเมียร์ลีก 2012/2013 (29) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (29) เชลซี (27) ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส (26) สโต๊ค ซิตี้ (26) นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (24) แอสตัน วิลล่า (23) เอฟเวอร์ตัน (21) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (20) ฟูแล่ม (18) นอริช ซิตี้ (17) ฟุตบอลอุ่นเครื่อง/กระชับมิตร (17) สวอนซี ซิตี้ (17) ซันเดอร์แลนด์ (16) พรีเมียร์ลีก 2014/2015 (16) วีแกน (16) แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (14) โบลตัน (14) UEFA (13) วูล์ฟแฮมป์ตัน (13) ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส (12) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (11) เซาธ์แฮมป์ตัน (9) เลสเตอร์ ซิตี้ (7) วัตฟอร์ด (6) เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (6) แบล็คพูล (6) คริสตัล พาเลส (5) พรีเมียร์ลีก 2016/2017 (5) เอเอฟซี บอร์นมัธ (5) พรีเมียร์ลีก 2013/2014 (4) เรดดิง (4) บาร์เซโลนา (3) ชาลเก้ 04 (2) วาเลเรนกา (2) LEAGUE CUP (1) กลาสโกว์ เรนเจอร์ (1) กว่างตง (1) กาลาตาซาราย (1) คลิปในตำนานแมนยูฯ (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2010/2011 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2011/2012 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2012/2013 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2013/2014 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2015/2016 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2016/2017 (1) นิวยอร์ค คอสมอส (1) บาเลนเซีย (1) พีเอสวี (1) ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (1) ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (1) รีล มาดริด (1) อิปสวิช ทาวน์ (1) เบิร์นลี่ย์ (1) เอฟเอ คัพ (1) แอธเลติก บิลเบา (1) โคโลญจน์ (1) โวล์ฟบวร์ก (1) ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (1)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.