|
© Reuter |
ทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ดวงไม่ถึงแชมป์เมื่อนึกว่าได้เฮแล้วจากการยิงจุดโทษเข้าไปของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ยาวนาน 8 นาที แต่สุดท้ายกลับมาเสียจุดโทษในนาทีที่ 100 และโดนเดิร์ค เคาท์ ซัดดับฝันแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างไม่เป็นทางการเรียบร้อย
อาร์เซนอล 1-1 ลิเวอร์พูล
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ประตู :
1-0 ฟาน เพอร์ซี่ 96
1-1 เคาท์ 100
“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ลงสนามในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ต่อหน้าสแตน โครเอนเก้ ว่าที่เจ้าของใหม่อย่างเป็นทางการ ในเกมสำคัญรับมือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่อาร์แซน เวนเกอร์ ประกาศชัดว่าต้องชนะสถานเดียวเท่านั้นเพื่อรักษาความหวังในการลุ้นแชมป์
และเริ่มเกมมาทางด้าน อาร์เซนอล ที่ขนชุดใหญ่มาเต็มๆทั้ง เซสก์, นาสรี่, ฟาน เพอร์ซี่ รวมถึง วัลค็อตต์ ก็เดินเครื่องใส่ทันทีโดยได้ลุ้นเร็วจากลูกตั้งเตะ อาบู ดิยาบี้ ได้ขึ้นโหม่งบอลตรงหน้าประตูแต่ว่าบอลผ่านเสาไกลออกไปแบบได้ลุ้น
แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล เกือบจะได้จุดโทษในจังหวะที่ เจย์ สเปียริง โดน โยฮัน ฌูรู เสียบล้มคว่ำในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าให้ ก่อนที่จะได้ลุ้นอีกรอบจากฟรีคิกระยะ 25 หลา แต่หลุยส์ ซัวเรซ ก็ซัดไปเข้าซองซีเชสนี่
ทว่าหลังจากนั้นเกมเป็นของเจ้าบ้านทั้งหมด โดยในนาทีที่ 10 วัลค็อตต์ สบโอกาสได้ส่องไกลจากระยะ 25 หลาทำเอา โฆเซ่ เรน่า ต้องปัดบอลออกไปเพราะไม่มั่นใจในวิถีบอลที่ส่ายชัดเจน
ต่อมาอีก 6 นาที อาร์เซนอล ใกล้เคียงได้ประตูขึ้นนำที่สุดเมื่อโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เปิดเตะมุมเข้ามา เรน่า ออกมาตัดบอลพลาดลูกเลยมาถึง กอสเซียลนี่ ได้โขกเต็มๆแต่บอลไปชนคานดังสนั่นลั่นทุ่ง
เกมผ่าน 20 นาทีมาไม่นาน ลิเวอร์พูล เจอข่าวร้ายซ้ำเมื่อ ฟาบิโอ ออเรลิโอ แบ็กบราซิลเลียนเกิดบาดเจ็บอีกครั้งทำให้ต้องโดนเปลี่ยนตัวออกให้ แจ็ค โรบินสัน เจ้าหนูดาวรุ่งลงสนามมาแทน
และ โรบินสัน ก็เป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่โดนเล่นงานโดยตลอดจาก วัลค็อตต์ ที่พยายามสร้างความปั่นป่วน แต่เจ้าหนูวัย 17 ปีก็พยายามทำหน้าที่ได้อย่างดีสุดความสามารถ ทำให้ ลิเวอร์พูล ที่โดนบุกกระหน่ำยังยันรักษาสกอร์ 0-0 เอาไว้ได้จนจบครึ่งแรก
เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เริ่มสู้ได้ดีขึ้นโดยสามารถเซ็ตบอลขึ้นมาได้บ้าง และมีจังหวะซัดไกลของ ราอูล เมยเรเลส จากระยะ 30 หลาแต่บอลพุ่งหลุดกรอบไป แต่หลังจากนั้นทีมเยือนเจอข่าวเศร้าไปอีกเมื่อ เจมี่ คาร์ราเกอร์ บาดเจ็บในจังหวะโหม่งบอลแล้วปะทะเข้ากับ จอห์น ฟลานาแกน รุ่นน้องแบบเต็มๆ ต้องปฐมพยาบาลหลายนาทีถึงขั้นใส่เฝือกคอและเครื่องช่วยหายใจ สุดท้ายโดนเปลี่ยนตัวออกไปอีกคนและเป็น คีร์เกียกอส ลงสนามแทน
แต่ช่วงจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ปักหลักกันได้ดีโดยเฉพาะในช่วงที่โดนกระหน่ำหนักใน 10 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา ซึ่ง อาร์เซนอล บุกมาเป็นชุดๆและน่าจะได้เมื่อ นาสรี่ จ่ายให้ ฟาน เพอร์ซี่ หลุดเดี่ยวไปดวลกับ เรน่า แต่ว่าซัดไปติดเซฟ บอลไปถึง เบนดท์เนอร์ ขอซ้ำ เรน่า ก็ยังเซฟได้อีกครั้ง
ลิเวอร์พูล เองก็แอบมีลุ้นจากหลุยส์ ซัวเรซ ที่ได้หลุดเข้าเขตโทษช่วงก่อนหมดเวลาแต่ตัดสินใจยิงมุมแคบไปเข้าหน้าต่าง ก่อนที่เกมจะเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ยาวนาน 8 นาที เพราะระหว่างครึ่งหลังต้องหยุดพักนานในการปฐมพยาบาลคาร์ราเกอร์
และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในช่วงการทดเวลานี้เองเมื่อลิเวอร์พูล มาพลาดเสียจุดโทษในนาทีที่ 96 จากจังหวะที่ เจย์ สเปียริง ไปทำฟาวล์ในเขตโทษแบบไม่น่าเสีย ก็เลยโดน ฟาน เพอร์ซี่ สังหารเข้าไป
ประตูนี้เหมือนจะปลุกความหวังในการลุ้นแชมป์ของอาร์เซนอลกลับมาแล้ว แต่เกมฟุตบอลอะไรมันก็เกิดขึ้นได้จริงๆ เมื่อลิเวอร์พูล ยังไม่ยอมแพ้บุกขึ้นมาและเชลวีย์ มาเรียกฟรีคิกตรงหน้าเขตโทษพอดี ซัวเรซ ซัดไปแฉลบกำแพงซึ่งก็นึกว่าเกมจะจบแล้วแต่ผู้ตัดสินยังให้เล่นต่อเพราะบอลยังไม่ตาย
ลูกลอยโด่งในเขตโทษและเป็น เอบูเอ้ ที่ทะเล่อทะล่าไปผลักใส่ ลูคัส ล้มลงไปในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษทันที และเป็น เดิร์ค เคาท์ ที่สังหารเข้าไปเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ในเกมสุดดราม่าที่ดับฝันของอาร์เซนอลแทบจะทันที และลิเวอร์พูล ก็เหมือนส่งมอบตำแหน่งทีมอันดับหนึ่งให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีโอกาสคว้าแชมป์สมัยที่ 19 ด้วยในเวลาเดียวกัน
ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 4/18/2011 12:44:44 AM