แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 10 ก.ย. 2016

ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

10 ก.ย. 2016

ไฮไลท์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้  10 ก.ย. 2016

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 - 1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 - 1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 - 1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก
3 ตุลาคม 2015 • 21:00 • Etihad Stadium, Manchester
ผู้ตัดสิน: K. Friend • ผู้ชม: 53850

18' MITROVIC 0-1 // 42' AGUERO 1-1 // 49' AGUERO 2-1 // 51' AGUERO 3-1 // 54' KEVIN DE BRUYNE 4-1 // 60' AGUERO 5-1 // 62' AGUERO 6-1

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี 6-1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด


หัวหอกฟ้าขาวโชว์ฟอร์มสุดสะเด่าเหมาคนเดียว 5 ประตู ช่วยให้ แมนฯซิตี้ เปิดบ้านถล่ม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ขาดลอย พร้อมกลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำสัปดาห์ที่ 8 ที่สนามเอติฮัต สเตเดียม ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเกมรั้งอันดับ 2 ของตาราง เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนเกมรั้งอันดับ 19 ของตาราง

มานูเอล เปเยกรินี เฮ้ดโค้ช แมนฯ ซิตี้ หมดสิทธิ์ใช้งานแกนหลักที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บหลายราย ไม่ว่าจะเป็น แว็งซองต์ กอมปานี (กัปตันทีม), กาแอล กลิชี, ยาย่า ตูเร่ และ ซามิร์ นาสรี ทำใหเกมนี้ เอเลียเควียม ม็องกาลา ไดโอกาสลงมาจับคู่กับ นิโคลัส โอตาเมนดี้ ในตำแหน่งคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ส่วนแดนกลางใช้ เฟอร์นันโด ประสานงานกับ แฟร์นันดินโญ โดยให้ เซร์คิโอ อเกวโร ยืนค้ำหน้าไล่ล่าตาข่ายเช่นเคย

ขณะที่ นิวคาสเซิล ของกุนซือ สตีฟ แม็คคลาเรน หมดสิทธิ์ใช้งาน แจ็ค โคลแบ็ค กองกลางตัวรับคนสำคัญที่เจ็บน่อง ทำให้ โยฮัน กุฟฟร็อง ปีกเฟรนซ์แมนวัย 29 ปีได้โอกาสลงมาเล่นแทน นอกนั้นยังเป็นผู้เล่นชุดเดิมจากเกมนัดล่าสุด ที่เปิดบ้านเสมอกับ เชลซี 2-2 นำโดย ทิม ครูล (ผู้รักษาประตู), ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, เวอร์นอน อนิต้า, อโยเซ เปเรซ และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

เริมเกมไม่ถึงนาที นิวคาสเซิล ฉวยโอกาสเปิดฉากทักทายอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ นิโคลัส โอตาเมนดี้ แนวรับของ แมนฯซิตี้ โหม่งสกัดไม่ดีมาเข้าทาง มุสซา ซิสโซโก้ ฮาร์ฟวอลเลย์ดวยขวาแบบไม่ต้องจับจากระยะประมาณ 25 หลา บอลพุ่งผ่านเสาแรกออกหลังไปแบบได้ลุ้นทีเดียว

ถัดมานาทีที่ 7 เจ้าบ้านเริ่มหาโอกาสทักทายบ้าง จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ปั่นฟรีคิกด้วยขวาระยะประมาณ 25 หลา บอลกำลังจะมุดเสียบเสาแรกอยู่แล้ว แต่ว่าถูก ทิม ครูล พุ่งปัดออกไปได้ ก่อนบอลชลมุนในกรอบเขตโทษพักใหญ่ และเป็น อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช กองหน้าของ นิวคาสเซิล ต้องลงมาช่วยเคลียร์ทิ้งออกไปได้ทัน

แต่แล้วนาทีที่ 18 กลายเป็นทีมเยือนที่มาทำประตูออกนำไปก่อน จากจังหวะที่ เอเลียเควียม ม็องกาลา แนวรับ แมนฯซิตี้ สกัดไม่พ้นกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเข้าทาง จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ดีดไซร้ก้อยเข้ากลางให้ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช พุ่งขวิดเน้นๆเต็มศรีษะ ส่งบอลสวนตัว โจ ฮาร์ท เข้าไปนอนจมก้นตาข่าย ช่วยให้นิสคาสเซิลขึ้นนำ 1-0

หลังจากเสียประตูไป ทำให้ แมนฯซิตี้ โหมบุกอย่างหนัก และในนาทีที่ 33 พวกเขามาได้โอกาสลุ้นประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ลากตัดจากฝั่งขวาเข้ากลาง ก่อนไหลออกไปทางฝั่งซ้ายให้ เซร์คิโอ อเกวโร ตวัดยิงหักข้อด้วยซ้ายบริเวณหัวกระโหลก บอลพุ่งผ่านเสาไกลออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 37 แมนฯซิตี้ มาได้โอกาสลุ้นตีเสมออีกครั้ง จากจังหวะที่ ดาบิด ซิลบา เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเป็น ฟาบริซิโอ โคลอชชินี แนวรับ นิวคาสเซิล โหม่งสกัดออกมาเข้าทาง แฟร์นันดินโญ ฮาร์ฟวอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่ต้องจับจากระยะประมาณ 25 หลา บอลพุ่งเฉี่ยวเสาไกลออกไป

ท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 42 เจ้าบ้านมาตามตีเสมอจนได้ จากจังหวะที่ ดาบิด ซิลบา บรรจงหยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายให้ แฟร์นันดินโญ โหม่งชงเข้ากลางให้ เซร์คิโอ อเกวโร พุ่งตอปิโดบกโขกจ่อๆไม่ถึง 3 หลาเข้าไปไม่เหลือ ช่วยให้แมนฯซิตี้ตีเสมอเป็น 1-1 พร้อมกับจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังแวบเดียว นาที 48 ซิตี พลิกขึ้นนำ 2-1 จังหวะ เซร์คิโอ อกูเอโร ได้บอลแล้วยิงแฉลบแนวรับทีมเยือนเข้าไป เท่านั้นไม่พอ นาที 50 ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินา ก็มาจัดแฮตทริกจนได้ เควิน เดอ บรุนย์ จ่ายอย่างแม่นให้เจ้าตัวหลุดไปชิปบอลหนี ทิม ครูล หนีห่าง 3-1

ประตูของ เรือใบสีฟ้า เริ่มไหลเป็นน้ำ นาที 54 เฆซุส นาบาส เปิดเข้ามาให้ เควิน เดอ บรุนย์ วอลเลย์ย้อยเสียเสาไกลทิ้งเป็น 4-1 ไม่พออีก นาที 60 จังหวะสวนกลับ ดาบิด ซิลบา แทงทะลุให้ เซร์คิโอ อกูเอโร ล็อกหนึ่งจังหวะแล้วปั่นเสียบเสาไกลสวย ๆ ซิตี ไปไกลแล้ว 5-1

นาที 62 วิบากกรรมของ นิวคาสเซิล ยังไม่จบเมื่อเสียลูกที่ 6 เป็น “กุน” อีกแล้ว ที่จับบอลต่อจาก เควิน เดอ บรุนย์ แล้วจัดการพังลูกที่ 5 ให้เจ้าบ้านฉีก 6-1 ขณะที่ ซิตี เปลี่ยนตัวสำรองลงมา นาที 76 เคลเลชี อิเฮียนาโช เกือบพังลูกที่ 7 ให้ทีมได้แต่ ทิม ครูล ไม่พลาดป้องกันอีก

ท้ายเกมไม่มีประตูอีกแล้ว จบเกม ทีมของ มานูเอล เปเยกรินี ปูพรมถล่ม นิวคาสเซิล ครึ่งโหล เก็บเพิ่มเป็น 18 แต้ม แซง “ผีแดง” ขึ้นเป็นจ่าฝูง 1 วัน ส่วน “สาลิกาดง” สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นจมอยู่ท้ายตารางเหมือนเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - โจ ฮาร์ท, พาโบล ซาบาเลตา, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, เอเลกิม มองกาลา, นิโคลัส โอตาเมนดี, เฟร์นานโด, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรุนย์, ดาบิด ซิลบา, แฟร์นานดินโญ, เซร์คิโอ อกูเอโร
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด - ทิม ครูล, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, ชานเซล เอ็มเบ็มบา, ดาริล แยนมัต, เควิน เอ็มบาบู, จอร์จินิโอ ไวจ์นาดุม, มุสซา ซิสโซโก, วูร์นอน อานิตา, โยฮัน กุฟฟรอง, อาโยเซ เปเรซ, อเล็กซานดรา มิโตรวิช

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 4 - 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 4 - 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 4 - 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
พรีเมียร์ลีก
26 กันยายน 2015 • 18:45 • White Hart Lane, London
ผู้ตัดสิน: ม. แคล็ทเทนเบิร์ก • ผู้ชม: 35867

0-1 เควิน เดอ บรุยน์ น.25, 1-1 เอริค ดายเออร์ น.45, 2-1 โทบี อัลเดอร์เวเรลด์ น.50, 3-1 แฮร์รี เคน น.61, 4-1 เอริค ลาเมลา น.79

แมนเชสเตอร์ ซิตี ของ มานูเอล เปเยกรินี อยู่ในอาการโคม่ายังไม่ฟื้นเมื่อเจอความปราชัยใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2 นัดติดต่อกัน จากการบุกไปโดน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ยิงจมลงไปนอนก้นอ่าวทะเล 1-4

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 4-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี


ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดแรกของสัปดาห์นี้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อันดับ 9 ของตาราง มี 9 แต้ม เล่นในบ้านที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน เจอศึกหนักต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี จ่าฝูงมี 15 แต้ม เกมนี้เจ้าบ้านส่ง แฮร์รี เคน เป็นหัวหอกพังประตู ส่วนทีมเยือนได้ เซร์คิโอ อกูเอโร ออกสตาร์ทลุ้นยิง

เริ่มเกมมา 9 นาที ซิตี ครองบอลดีกว่าและทักทายก่อนเลยจากลูกยิงไกลของ เควิน เดอ บรุยน์ แต่บอลหลุดเสาสองนิดเดียว ต่อมา นาที 18 ทีมเยือนยังได้โอกาสต่อ แฟร์นานดินโญ ผ่านบอลมาให้ เซร์คิโอ อกูเอโร จับเข้าเท้าแล้วยิงแต่ อูโก ยอริส ยังเหนียวพุ่งปัดปลายมือ

ทีมเยือนคุมเกมแบบเบ็ดเสร็จจน นาที 25 ประตูแรกที่รอคอยก็มา ยายา ตูเร พาบอลสวนกลับแล้วแทงออกขวาให้ เควิน เดอ บรุยน์ หลุดไปซัดเสียบเสาไกลนำ 1-0 ขณะที่ สเปอร์ส ได้โอกาสทอง นาที 32 นิโคลัส โอตาเมนดี สกัดวืดโดน แฮร์รี เคน แย่งบอลไปยิงแต่ไม่แม่นออกข้างอีก

มาถึง นาที 41 สเปอร์ส จะตีเสมอให้ได้ แฮร์รี เคน ขอแก้ตัวล็อกเข้าซ้ายแล้วซัดทันทีแต่ วิลเฟรโด กาบาเยโร ปัดได้แบบหวุดหวิด แต่ก่อนหมดเวลา นาที 44 เควิน เดอ บรุยน์ สกัดไม่ขาดบอลเข้าทางปืน เอริค ดายเออร์ ง้างยิงไกลบอลชิ่งเสาตีเสมอ 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยผลดังกล่าว

กลับมาเล่นในครึ่งหลังเพียง 5 นาที กลายเป็นเจ้าถิ่นที่มาได้ประตูพลิกขึ้นนำเป็น 2-1 จากจังหวะที่ เอริค ลาเมลา เปิดฟรีคิกจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาในเขตโทษให้ โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ ขึ้นโขกย้อยๆ ส่งบอลสวนทาง วิลลี กาบาเยโร เข้าไปนอนจมก้นตาข่าย

เท่านั้นไม่พอนาทีที่ 61 เจ้าบ้านมาบวกประตูเพิ่มได้อีก จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาเยื้องไปทางฝั่งขวา และเป็น คริสเตียน อีริคเซน รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาไปชนสามเหลี่ยมอย่างจัง แต่ว่าบอลยังเป็นใจกระดอนมาเข้าทาง แฮร์รี เคน ตามซ้ำง่ายๆเข้าไปไม่เหลือ ช่วยให้สเปอร์สหนีห่างเป็น 3-1 พร้อมกับเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น 10 นาทีถัดมา สเปอร์ส มาได้ประตูตอกฝาโลง จากจังหวะที่ คลินตัน เอ็นจีเย ตัวสำรอง กระชากขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนปาดเลียดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ เอริค ลาเมลา ใช้ความสามารถเฉพาะตัว ดึงหลอก วิลลี กาบาเยโร กับ มาร์ติน เดมิเคลิส จนหัวคะมำกันทั่งคู่ ก่อนแปด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเยือกเย็น

จบเกม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส แซงถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปอย่างขาดลอย 4-1 เก็บสามแต้มสำคัญ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 5 ของตารางชั่วคราว มี 12 คะแนนเท่ากับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้าน แมนฯ ซิตี้ ยังนำเป็นจ่าฝูงต่อไป โดยนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 1 คะแนนเท่าเดิม แต่แข่งมากกว่า 1 นัด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ - อูโก ยอริส, ไคล์ วอล์คเกอร์, โทบี อัลเดอร์เวเรลด์, แยน แฟร์ทองเกน, เบน เดวีส์, ซอง เฮือง-มิน, เอริค ลาเมลา, เอริค ดายเออร์, เดเล อัลลี, คริสเตียน เอริคเซน, แฮร์รี เคน
แมนเชสเตอร์ ซิตี - วิลเฟรโด กาบาเยโร, บาการี ซานญา, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, มาร์ติน เดมิเคลสิน, นิโคลัส โอตาเมนดี, เฟอร์นานโด, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรุยน์, แฟร์นานดินโญ, เซร์คิโอ อกูเอโร

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 - 2 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 - 2 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 - 2 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก
19 กันยายน 2015 • 23:30 • Etihad Stadium, Manchester
ผู้ตัดสิน: R. Madley • ผู้ชม: 53545

6' Victor Moses 0-1 // 31' Diafra Sakho 0-2 //45' Kevin de Bruyne 1-2

แมนเชสเตอร์ ซิตี ถูกยัดเยียดความปราชัยนัดแรกต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง หลังถูก เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด บุกมาจม “เรือใบสีฟ้า” คาบ้าน 1-2 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คืนวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา

มานูเอล เปเยกรินี กุนซือเจ้าบ้าน ที่เพิ่งจะแพ้ในนัดประเดิมสนามยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกต่อยูเวนตุส 1-2 เมื่อคืนวันพุธ ไม่สามารถใช้งานกองหลังกัปตันทีมอย่าง แว็งซองต์ กอมปานี ที่มีปัญหาบาดเจ็บได้ ทำให้ต้องส่ง นิโคลัส โอตาเมนดี้ ลงสนามแทน ด้านแนวรุกปรับมาใช้ เซร์คิโอ อเกวโร และ เควิน เดอ บรุนย์ ลงเป็นตัวจริงแทน วิลเฟรด โบนี กับ ซามีร์ นาสรี

ด้านทีมเยือนของ สลาเวน บิลิช มีข่าวดีคือได้ อาเดรียน ผู้รักษาประตูมือหนึ่งพ้นโทษแบนกลับมาเฝ้าเสาแทน ดาร์เรน แรนดอลฟ์ ตามเดิม แต่ก็ชวดใช้งาน อันเจโล อ็อกบอนนา กับ ชีควู คูยาเต้ ที่มีอาการบาดเจ็บ ทำให้เป็นโอกาสของ คาร์ล เจนกินสัน และ เปโดร โอเบียง ได้ลงเป็น 11 คนแรกแทน

เริ่มเกมได้เพียง 6 นาทีเท่านั้น กองเชียร์เรือใบสีฟ้าในเอติฮัด สเตเดี้ยมก็ต้องเงียบกริบ เมื่อเวสต์แฮมลูบคมพังประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ดมิทรี ปาเยต์ ไหลบอลให้ วิคเตอร์ โมเสส ลากไปซัดด้วยขวา ส่งบอลเรียดเบียดเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ขุนค้อนบุกมานำ 1-0

หลังจากโดนนำแค่ 2 นาที ซิตี้เกือบจะตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เดอ บรุนย์ วางบอลยาวจากกราบซ้ายโดน อารอน เครสส์เวลล์ โหม่งสะกัดไม่ดีมาเข้าทาง กุน อเกวโร แตะหลบ อาเดรียน แต่กลับยิงหักข้อหลุดเสาออกไปอย่างน่าผิดหวัง

แต่แล้วในนาทีที่ 31 กลับเป็นทีมเยือนที่มาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากลูกเตะมุมฝั่งขวาที่ ปาเยต์ เปิดให้ วินสตัน รีด โหม่งชงไปติด แฟร์นานดินโญ มาเข้าทาง โอเบียง จิ้มต่อให้ ดิยาฟรา ซาโก้ ตวัดยิงระยะเผาขนเข้าไปง่ายๆ ส่งให้เวสต์แฮมบุกมานำห่างเป็น 2-0

จากนั้นนาทีที่ 39 เจ้าบ้านเกือบตีไข่แตกได้ จากจังหวะที่ บาการี ซานญา จ่ายเรียดจากฝั่งขวาให้ อเกวโร พยายามไขว้ยิงกลับไปติดเซฟ อาเดรียน แม้ เอล กุน จะได้ซ้ำอีกครั้ง แต่ก็ยังโดนนายด่านชาวสเปนพุ่งปิดมุมตะครุบบอลไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

จนกระทั่งช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ซิตี้ก็มาตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะที่ กุน อเกวโร ลากบอลหนีแนวรับขุนค้อนก่อนจะจ่ายให้ เดอ บรุนย์ จับด้วยซ้ายแล้วกดด้วยขวาบริเวณหัวกะโหลกเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้เรือใบสีฟ้าไล่มาเป็น 1-2 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังแม้ว่าซิตี้จะเป็นฝ่ายพับสนามบุกอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ อาเดรียน ที่โชว์ฟอร์มสุดเหนียวหนึบได้เลย ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นเวสต์แฮมที่บุกมาเอานะไปหวุดหวิด 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน แซงขึ้นรั้งรองจ่าฝูงชั่วคราว โดยตามหลังจ่าฝูงซึ่งก็คือซิตี้อยู่แค่ 3 แต้มเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี - โจ ฮาร์ท, บาการี ซานญา, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, เอเลกิม มองกาลา, นิโคลัส โอตาเมนดี, ราฮีม สเตอร์ลิง, เฆซุส นาบาส, เควิน เดอ บรุย์น, แฟร์นานดินโญ, ยายา ตูเร, เซร์คิโอ อกูเอโร
เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด - อาเดรียน, วินสตัน รีด, อารอน เครสเวลล์, เจมส์ ทอมกินส์, คาร์ล เจนกินสัน, เปโดร เอ็มบา โอเบียง, มาร์ค โนเบิล, วิคเตอร์ โมเซส, ดิมิทรี ปาเยต, มานูเอล ลานซินี, ดิอาฟรา ซาโก
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

ป้ายกำกับ

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (360) ข่าวสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (98) พรีเมียร์ลีก 2011/2012 (87) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (66) พรีเมียร์ลีก 2010/2011 (58) พรีเมียร์ลีก 2015/2016 (48) ลิเวอร์พูล (33) อาร์เซนอล (30) พรีเมียร์ลีก 2012/2013 (29) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (29) เชลซี (27) ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส (26) สโต๊ค ซิตี้ (26) นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (24) แอสตัน วิลล่า (23) เอฟเวอร์ตัน (21) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (20) ฟูแล่ม (18) นอริช ซิตี้ (17) ฟุตบอลอุ่นเครื่อง/กระชับมิตร (17) สวอนซี ซิตี้ (17) ซันเดอร์แลนด์ (16) พรีเมียร์ลีก 2014/2015 (16) วีแกน (16) แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (14) โบลตัน (14) UEFA (13) วูล์ฟแฮมป์ตัน (13) ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส (12) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (11) เซาธ์แฮมป์ตัน (9) เลสเตอร์ ซิตี้ (7) วัตฟอร์ด (6) เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (6) แบล็คพูล (6) คริสตัล พาเลส (5) พรีเมียร์ลีก 2016/2017 (5) เอเอฟซี บอร์นมัธ (5) พรีเมียร์ลีก 2013/2014 (4) เรดดิง (4) บาร์เซโลนา (3) ชาลเก้ 04 (2) วาเลเรนกา (2) LEAGUE CUP (1) กลาสโกว์ เรนเจอร์ (1) กว่างตง (1) กาลาตาซาราย (1) คลิปในตำนานแมนยูฯ (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2010/2011 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2011/2012 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2012/2013 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2013/2014 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2015/2016 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2016/2017 (1) นิวยอร์ค คอสมอส (1) บาเลนเซีย (1) พีเอสวี (1) ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (1) ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (1) รีล มาดริด (1) อิปสวิช ทาวน์ (1) เบิร์นลี่ย์ (1) เอฟเอ คัพ (1) แอธเลติก บิลเบา (1) โคโลญจน์ (1) โวล์ฟบวร์ก (1) ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (1)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.