เชลซี 1 - 3 เซาแธมป์ตัน

เชลซี 1 - 3 เซาแธมป์ตัน
เชลซี 1 - 3 เซาแธมป์ตัน
พรีเมียร์ลีก
3 ตุลาคม 2015 • 23:30 • Stamford Bridge, London
ผู้ตัดสิน: R. Madley • ผู้ชม: 41642

10' WILLIAN 1-0 // 44' STEVEN DAVIS 1-1 // 60' SADIO MANE 1-2 // 73' GRAZIANO PELLE 1-3

'นักบุญแดนใต้' เซาแธมป์ตัน โชว์ฟอร์มสุดร้อนแรงบุกปราบ เชลซี ถึงเดอะบริดจ์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี จากการเรียงหน้ายิงของ สตีเวน เดวิส, ซาดิโอ มาเน และ กราเซียโน เปลเล

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เชลซี 1-3 เซาแธมป์ตัน


ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เกมคู่สุดท้ายของวัน เชลซี อันดับ 16 มี 8 แต้ม เปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ พบกับ เซาแธมป์ตัน อันดับ 11 มี 9 แต้ม เกมนี้ ราดาเมล ฟัลเกา ได้ออกสตาร์ทตัวจริงแทน ดิเอโก กอสตา ที่ยังติดโทษแบนอยู่ ส่วนทีมเยือนมี กราเซียโน เปลเล เป็นตัวความหวังพังประตู

เริ่มเกมมา 9 นาที เชลซี ได้ประตูนำแบบไม่คาดฝันจากลูกฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้าย วิลเลียน เปิดย้อยเข้ามาแต่น้ำหนักดีมุดสามเหลี่ยมเข้า 1-0 ขณะที่ นาที 15 เซาแธมป์ตัน หวิดตีเสมอทันควัน ดูซาน ทาดิช เห็น สตีเวน เดวิส วิ่งเติมมาทางขวาเลยจ่ายออกให้แต่ยิงบอลเข้าข้างตาข่าย

นาที 25 เจ้าบ้านจะเอาลูกที่สอง เชส ฟาเบรกาส ผ่านมาให้ ออสการ์ ได้หลุดไปยิงในเขตโทษ แต่ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก เซฟทัน จากนั้นเกมผ่านมาเรื่อย ๆ นาที 41 เซาแธมป์ตัน มาหวาดเสียว ซาดิโอ มาเน โยนไปให้ ไรอัน เบอร์ทรานด์ หวดด้วยซ้ายแต่ติดเซฟ แอสเมียร์ เบโกวิช

แต่แล้วท้ายครึ่งแรก “นักบุญแดนใต้” กลับตีเสมอได้สำเร็จ นาที 43 กราเซียโน เปลเล เปิดเข้ามา สตีเวน เดวิส ได้บอลหน้าปากประตูก่อนวอลเลย์เสียบเสาอย่างสวย และจบครึ่งแรกไปด้วยผลเสมอ 1-1

กลับมาเล่นในครึ่งหลังทั้งสองทีมต่างเปลี่ยนแปลงผู้เล่นฝั่งละ 1 ราย โดยเจ้าถิ่นถอดเอา รามิเรส ออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง เนมานยา มาติช กลับมาคุมแดนกลางอีกครั้ง ขณะที่ฝั่งทีมเยือนส่งเอา เจมส์ วอร์ด-พราว ลงมาทำหน้าที่แทน โอริโอล โรเมอู

โดยเปิดฉากมาเพียง 3 นาที เซาแธมป์ตัน เริ่มหาโอกาสทักทายก่อนอย่างรวดเร็ว จากลูกที่ ดูซาน ทาดิช เบิ้ลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ ซาดิโอ มาเน ล้มตัวชาร์จด้วยขวา แต่ว่า อัสมีร์ เบโกวิช ยังปฏิกิริยาไวพุ่งออกมาตัดบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด

กระทั่งนาทีที่ 60 กลายเป็นผู้มาเยือนที่พลิกขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ แกรี่ เคฮิลล์ จับบอลไม่ดีจนถูก ดูซาน ทาดิช ฉกบอลไปได้ ก่อนไหลให้ กราเซียโน เปลเล แทงต่อขึ้นหน้าให้ ซาดิโอ มาเน พลิกหนีการประกบของ จอห์น เทอร์รี เข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเลือกแปเน้นๆติดตัว อัสมีร์ เบโกวิช แต่ด้วยความแรงทำให้บอลทะลักเข้าไปจมก้นตาข่าย ช่วยให้เซาแธมป์ตันพลิกขึ้นนำเป็น 2-1

นาทีที่ 72 เซาแธมป์ตัน มาทำประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน ใช้ความเร็วอันจัดจ้าน กระชากจากแดนตัวเองขึ้นหน้า ก่อนไหลให้ กราเซียโน เปลเล แตะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาแล้วตั้งป้อมซัดด้วยขวาเช็ดเสาไกลเข้าไปอย่างเฉียบขาด

นาทีต่อมา โชเซ มูรินโญ ทำช็อคแฟนบอลเจ้าถิ่น หลังถอดเอา เนมานยา มาติช ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงสนามเมื่อต้นครึ่งหลังออกไปพักที่ม้านั่งสำรอง แล้วจัดการส่ง โรอิก เรมี กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสลงมาหวังทวงประตูคืน

จากนั้นแม้แชมป์เก่าพยายามโหมบุกอย่างหนักหวังทำประตูที่ 2 ให้ได้เร็วที่สุด แต่ก็เจาะแนวรับอันแข็งแกร่งของ เซาแธมป์ตัน ไม่เข้า ทำให้จบเกม เซาแธมป์ตัน บุกเอาชนะ เชลซี ไปแบบสุดมัน 3-1 เก็บสามแต้มสำคัญ ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 9 ของตาราง โดยมี 12 คะแนนเท่ากับ เอฟเวอร์ตัน และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส แต่ลูกได้เสียน้อยกว่าสองทีมนั้นอยู่ 1 ประตู

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี - แอสเมียร์ เบโกวิช, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี, เซซาร์ อัสปิลิกูเอตา, เชส ฟาเบรกาส, รามิเรส, ออสการ์, เอเดน ฮาซาร์ด, วิลเลียน, ราดาเมล ฟัลเกา
เซาแธมป์ตัน - มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก, เซดริก ซัวเรซ, โชเซ ฟอนเต, เวอร์จิล ฟาน ไดก์, ไรอัน เบอร์ทรานด์, สตีเวน เดวิส, ซาดิโอ มาเน, ดูซาน ทาดิช, วิคเตอร์ วานยามา, โอริโอล โรเมอู, กราเซียโน เปลเล

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2 - 2 เชลซี

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2 - 2 เชลซี
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2 - 2 เชลซี
พรีเมียร์ลีก
26 กันยายน 2015 • 23:30 • St. James' Park, Newcastle-upon-Tyne
ผู้ตัดสิน: ม. แอ็ตกินสัน • ผู้ชม: 48682

42' AYOZE 1-0 // 60' GEORGINIO WIJNALDUM 2-0 // 79' RAMIRES 2-1 // 87' WILLIAN 2-2


รามิเรส และ วิลเลียน สองแนวรุกของ เชลซี กลายเป็นฮีโร่พา “สิงห์บลูส์” รอดพ้นจากความตายหลังช่วยกันยิงพาทีมแบ่งแต้มกลับบ้านจาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คืนวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 เชลซี


ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คู่ดึกสุดคืนวันเสาร์ เกมที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อันดับ 19 โซนตกชั้นมี 2 แต้ม เล่นในบ้านเจอกับ เชลซี อันดับ 16 มี 7 แต้ม เกมนี้เจ้าบ้านเลือกใช้ อาโยเซ เปเรซ ผนึกกำลังคู่อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ส่วนทีมเยือน ดิเอโก กอสตา โดนแบนทำให้ โลอิค เรมี ได้มายิงแทน

ครึ่งแรกผ่านมา 4 นาที ทีมของ โชเซ มูรินโญ ทักทายก่อนเลยแบบไม่ต้องรอให้เจ้าบ้านเชื้อเชิญ จากฟรีคิกของ เคิร์ท ซูมา แต่ยิงไม่ดีบอลหลุดออกหลัง ผ่านมา นาที 12 โลอิค เรมี จับบอลต่อจาก บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้ยิงแต่ก็ยังไม่เข้ากรอบเหมือนเดิม

เกมเริ่มสนุกเมื่อ นิวคาสเซิล ตอบโต้ นาที 17 อาโยเซ เปเรซ ให้บอลต่อ มุสซา ซิสโซโก ส่องนอกเขตโทษทว่าไม่เข้าเป้า จากนั้น นาที 28 สาลิกา เกือบขึ้นนำสองรอบ อาโยเซ เปเรซ หลุดไปยิงติดเซฟจังหวะแรก นักเตะเจ้าถิ่นเก็บได้ให้ ดาริล แยนมัต ยิงต่อทว่า แอสเมียร์ เบโกวิช ยังรับได้

นาที 37 สิงห์บลูส์ เกือบทำได้ เชส ฟาเบรกาส ลากมาจากกลางสนามแล้วยิงไซด์ก้อยแต่ ทิม ครูล กระโดดปัดมือเดียว ทว่าเกิดเหตุไม่คาดฝัน นาที 41 นิวคาสเซิล ขึ้นนำ 1-0 จังหวะ เวอร์นอน อานิตา สาดยาวเข้ากลาง อาโยเซ เปเรซ จับไม่ดีแต่ตวัดยิงตามน้ำได้ และจบครึ่งแรกไปเลย

กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้เพียง 9 นาที (นาทีที่ 54) นิวคาสเซิล ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวไปโดยปริยาย เนื่องจาก แจ็ค โคลแบ็ค กองกลางตัวรับชาวผู้ดีมีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ สตีฟ แม็คคลาเรน ตัดสินใจส่ง กาเบรียล โอแบร์กต็อง ลงมาเล่นแทน

นาทีที่ 60 นิวคาสเซิล มาทำประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ อโยเซ เปเรซ เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม สลัดหนีตัวประกบโหม่งเช็ดหนีมือ อัสมีร์ เบโกวิช เสียบเสาไกลเข้าไปตุงตาข่าย

หลังจากถูกนำไปก่อนถึง 2 ประตู ทำให้ โชเซ มูรินโญ แก้เกมทันที โดยถอดเอา เนมานยา มาติช และ โลอิก เรมี ออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง วิลเลียน กับ ราดาเมล ฟัลเกา ลงมาเล่นแทน

กระทั่งนาทีที่ 79 แชมป์เก่ามาทำประตูตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะที่ เอเด็น อาซาร์ โชว์สเต็ปพริ้วลากตัดจากฝั่งซ้ายเข้ากลาง ก่อนไหลถวายพานออกไปทางฝั่งขวาให้ รามิเรส จับหนึ่งจังหวะ ก่อนหวดเต็มข้อล่อเต็มแข่งบอลพุ่งแรงเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลเข้าไปอย่างสุดสวย ช่วยให้เชลซีไล่มาเป็น 1-2

ท้ายเกมนาทีที่ 88 แฟนทูนอาร์มีนั่งหน้าบูดกันเป็นแถบ หลังจากเชลซีตามตีเสมอได้สำเร็จ จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาเยื้องมาทางฝั่งซ้าย และเป็น วิลเลียน รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาเข้าไปลุ้นในเขตโทษ และเป็น รามิเรส โฉบมาโหม่งแต่ไม่โดน ทำให้บอลสวนตัว ทิม ครูล เข้าไปตุงตาข่าย

จบเกม เชลซี บุกไล่ตีเสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปแบบหืดจับ 2-2 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้ เชลซี ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 15 ของตาราง มี 8 คะแนน ส่วน นิวคาสเซิล จมอยู่ในอันดับ 19 ของตารางต่อไป มีเพียง 3 คะแนนเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด - ทิม ครูล, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, ชานเซล เอ็มเบ็มบา, ดาริล แยนมัต, เควิน เอ็มบาบู, แจ็ค โคลแบ็ก, จอร์จินิโอ ไวจ์นาดุม, มุสซา ซิสโซโก, เวอร์นอน อานิตา, อาโยเซ เปเรซ, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
เชลซี - แอสเมียร์ เบโกวิช, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, เคิร์ท ซูมา, แกรี เคฮิลล์, เซซาร์ อัสปิลิกูเอตา, เชส ฟาเบรกาส, ออสการ์, เอเดน ฮาซาร์ด, เปโดร โรดริเกวซ, เนมานยา มาติช, โลอิค เรมี

เชลซี 2 - 0 อาร์เซนอล

เชลซี 2 - 0 อาร์เซนอล
เชลซี 2 - 0 อาร์เซนอล
พรีเมียร์ลีก
19 กันยายน 2015 • 18:45 • Stamford Bridge, London
ผู้ตัดสิน: M. Dean • ผู้ชม: 41584

53' Zouma 1-0 // 90' Eden Hazard 2-0

เชลซี ของ โชเซ มูรินโญ คว้าชัยชนะ 2 เกมรวดต่อจาก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หลังเปิดบ้านพัง อาร์เซนอล ที่เหลือ 9 คนในสนามไป 2-0 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา

เกมนี้ โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ 'สิงโตน้ำเงินคราม' เชลซี ยังคงดร็อปกัปตันทีมอย่าง จอห์น เทอร์รี่ ไว้ที่ข้างสนาม และให้ แกรี่ เคฮิลล์ ยืนจับคู่กับ เคิร์ท ซูมา ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง พร้อมกลับมาใช้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เนมานยา มาติช, เปโดร โรดริเกซ และ ดิเอโก้ คอสต้า เป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังได้พักในเกมยุโรปกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ 'ปืนใหญ่' อาร์เซนอล ของกุนซือ อาร์แซน เวงเกอร์ ยังคงยึด 11 ผู้เล่นตัวจริงจากเกมลีกสัปดาห์ก่อน ที่เปิดบ้านเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-0 นำโดย ปีเตอร์ เช็ค (ผู้รักษาประตู), โลร็องต์ กอสเซียลนี, เฮคเตอร์ เบเยลิน, ซานติ กาซอร์ลา, เมซุต โอซิล, อเล็กซิส ซานเซซ และหน้าเป้าเป็น ธีโอ วัลคอตต์

รูปเกมครึ่งแรก เป็นเจ้าบ้านที่ครองบอลบุกแทบจะฝ่ายเดียว แต่ไม่มีโอกาสลุ้นประตูเท่าที่ควร กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เมื่อ ดิเอโก้ คอสต้า ไปฮึดฮัดใส่ โลร็องต์ กอสเซียลนี ในกรอบเขตโทษของ อาร์เซนอล ทำให้ กาเบรียล เปาลิสต้า ต้องเข้ามาช่วยห้าม แต่กลายเป็นว่า คอสต้า กลับมามีเรื่องกับ เปาลิสต้า แทนก่อนผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้กับทั้งคู่

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เปาลิสต้า ถอยไปเหยียบเท้าของ คอสต้า ทำให้กองหน้าทีมชาติสเปนฟ้องผู้ตัดสินยกใหญ่ ทำให้เชิ๊ตดำไม่รอช้าควักใบแดงไล่ เปาลิสต้า ออกจากสนามทันที เล่นเอาแฟนปืนใหญ่ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ งงกันไปตามๆกัน ก่อนจบ 45 นาทีแรกไปด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0

กลับมาเล่นในครึ่งหลัง อาร์แซน เวงเกอร์ ไม่รอช้าแก้เกมก่อนทันที โดยถอดเอา ฟรองซิส โกเกอแล็ง ออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง คาลัม แชมเบอร์ส ลงเล่นแทน โดยจะมายืนคู่กับ โลร็องต์ กอสเซียลนี ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางแทนการขาดหายไปของ กาเบรียล เปาลิสต้า

แต่แล้วนาทีที่ 53 กลายเป็นเจ้าถิ่นที่มาได้ประตูออกนำไปก่อน จากจังหวะที่ เชสก์ ฟาเบรกาส เปิดฟรีคิกจากกลางสนามเข้าไปในลุ้นในกรอบเขตโทษให้ เคิร์ท ซูมา สอดขึ้นไปโหม่งกดลงพื้นคนเดียวโล่งๆ ส่งบอลหนีมือ ปีเตอร์ เช็ค เสียบเสาแรกเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้เชลซีขึ้นนำ 1-0 พร้อมกับเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของเจ้าตัวด้วย

จากนั้นนาทีที่ 59 อาร์เซนอล มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ อารอน แรมซีย์ โยนยาวจากกลางสนามเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเป็น แกรี่ เคฮิลล์ ปล่อยบอลตกไปเข้าทาง อเล็กซิส ซานเซซ แปด้วยขวาไม่เต็มเท้า บอลหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย

แต่เเล้วนาทีที่ 79 สถานการณ์ของ อาร์เซนอล ต้องเลวร้ายหนักไปกว่าเก่า เมื่อมาเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน จากจังหวะที่ ซานติ กาซอร์ลา ไปสไลค์เปิดปุ่มใส่ เชสก์ ฟาเบรกาส ทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกควักใบเหลืองให้กับ กาซอร์ลา และเป็นใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนามทันที

กระทั่งนาทีแรกของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แชมป์เก่ามาได้ประตูตอกฝาโลง จากจังหวะชุลมุนในกรอบเขตโทษ ก่อนบอลมาเข้าทาง เอเด็น อาซาร์ วางเท้ากดด้วยขวาแฉลบตัว คาลัม แชมเบอร์ส เปลี่ยนตัวเข้าประตูไป

จบเกม เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ อาร์เซนอล ที่เหลือผู้เล่น 9 คนไป 2-0 เก็บชัยชนะเกมเหย้านัดแรกของฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับขยับขึ้นมารั้งอันดับ 10 ของตาราง มี 7 คะแนนจาก 6 นัด ส่วน อาร์เซนอล อยู่ที่ 4 ต่อไปตามเดิม มี 10 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี - แอสเมียร์ เบโกวิช, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, เคิร์ท ซูมา, แกรี เคฮิลล์, เซซาร์ อัสปิลิกูเอตา, เชส ฟาเบรกาส, ออสการ์, เอเดน ฮาซาร์ด, เปโดร โรดริเกวซ, เนมานยา มาติช, ดิเอโก กอสตา
อาร์เซนอล - ปีเตอร์ เช็ก, กาเบรียล เปาลิสตา, โลรองต์ กอสเซียลนี, นาโช มอนเรอัล, เฮ็คเตอร์ เบลเลริน, เมซุต โอซิล, อารอน แรมซีย์, อเล็กซิส ซานเชซ, ซานติ กาซอร์ลา,

เอฟเวอร์ตัน 3 - 1 เชลซี

เอฟเวอร์ตัน 3 - 1 เชลซี
เอฟเวอร์ตัน 3 - 1 เชลซี
12 กันยายน 2015 • 18:45 • Goodison Park, Liverpool
ผู้ตัดสิน: A. Marriner



17' Steven Naismith 1-0 // 22' Steven Naismith 2-0 // 36' Nemanja Matic 2-1 // 83' Steven Naismith 3-1

“สิงห์บลูส์” ทรุดพ่าย 3 เกมติด ทอฟฟีอัดยับ 3-1สตีเวน เนสมิธ มิดฟิลด์ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นสำรองทีเด็ด กระหน่ำแฮตทริก ถล่ม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ยับเยิน 3-1 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่สนาม กูดิสัน ปาร์ก เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 

เอฟเวอร์ตัน 3-1 เชลซี


โชเซ มูรินโญ กุนซือ เชลซี ขาด ธิโบต์ คูร์ตัวส์ นายทวารมือ 1 ที่ต้องผ่าตัดเข่าขวา ส่ง อัสเมียร์ เบโกวิช เฝ้าเสาแทน แนวรุกเรียกใช้ ดีเอโก กอสตา รับบทศูนย์หน้าตัวเป้า ประสานงาน เอเดน ฮาซาร์ด กับ เปโดร และ เชส ฟาเบรกาส ขับเคลื่อนเกมแดนกลาง รับมือ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งมี รอสส์ บาร์กลีย์, โรเมลู ลูกากู และ อารูนา โคเน เป็นตัวอันตราย

เสียงนกหวีดดังขึ้น เอฟเวอร์ตัน โชคร้ายตั้งแต่นาทีที่ 9 มูฮาเหม็ด เบซิช มีอาการบาดเจ็บ ต้องเปลี่ยนให้ สตีเวน เนสมิธ ลงมาแทน ก่อนจะสวมบท “ซูเปอร์ซับ” นาที 17 โหม่งลูกเปิดจากเขตโทษด้านซ้ายของ เบรนแดน กัลโลเวย์ ระยะเผาขน ถัดมา 2 นาที เชลซี หวิดเสียเพิ่ม ซีมุส โคลแมน หยอดจากขวา แนวรับประกบหลวม ปล่อย อารูนา โคเน โหม่งสะบัดแบบโล่ง ๆ อัสเมียร์ เบโกวิช นายทวาร พุ่งปัดออกหลัง

สาวก “เอฟเวอร์โตเนียน” ส่งเสียงเฮอีกครั้งนาที 22 รอสส์ บาร์กลีย์ รับบอลตรงกลาง ไหลมาทางซ้ายให้ สตีเวน เนสมิธ ตะบันเรียด ระยะประมาณ 20 หลา เสียบมุมขวามือ เข้าสู่นาที 36 เนมันยา มาติช จุดประกายความหวังแก่ แชมป์เก่า ส่องไกลกว่า 30 หลา แบบไม่มีใครประกบ เสียบมุมซ้ายมืออย่างสุดสวย ครบ 45 นาที เอฟเวอร์ตัน นำ 2-1

ลุยต่อครึ่งหลัง ทีมของ โรแบร์โต มาร์ติเนซ แพ็กเกมรับแดนตัวเองอย่างแน่นหนา ทำเอา “สิงโตน้ำเงินคราม” เจาะแทบไม่เข้า แถมยังฉวยโอกาสจนได้เสียวนาที 58 แกเร็ธ แบร์รี ตัดบอลกลางสนาม แทงทะลุให้ โรเมลู ลูกากู หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วยิงยัดเสาแรก อัสเมียร์ เบโกวิช อ่านทางถูก เซฟไว้ได้ ต่อมานาที 68 สตีเวน เนสมิธ จ่ายเร็วเข้าเขตโทษด้านขวา ลูกากู กดเรียด ก็ยังไม่ผ่าน เบโกวิช

ล่วงเลยมาถึงนาที 82 ทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ตอกฝาโลงสนิท รอสส์ บาร์กลีย์ ทำชิ่งกับ อารอน เลนนอน ตัวสำรอง ไหลทะลุช่องเข้าเขตโทษด้านขวา สตีเวน เนสมิธ ตวัดยิงมุมแคบ ลอดขา อัสเมียร์ เบโกวิช ซุกก้นตาข่าย จบเกม เอฟเวอร์ตัน เอาชนะไป 3-1 ขณะที่ เชลซี พบความปราชัยครั้งที่ 3 ของฤดูกาล 2015-16

รายชื่อ 11 ตัวจริง
เอฟเวอร์ตัน : ทิม โฮเวิร์ด , จอห์น สโตนส์ , ฟิล จากิลกา , ซีมุส โคลแมน , เบรนแดน กัลโลเวย์ , โรเมลู ลูกากู , เจมส์ แม็คคาร์ธี , มูฮาเหม็ด เบซิช , แกเร็ธ แบร์รี , รอสส์ บาร์กลีย์ , อารูนา โคเน

เชลซี : อัสเมียร์ เบโกวิช , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , เคิร์ต ซูมา , จอห์น เทอร์รี , เซซาร์ อัซปิลิคูเอตา , เชส ฟาเบรกาส , เอเดน ฮาซาร์ด , จอห์น โอบี มิเกล , เปโดร , เนมันยา มาติช , ดีเอโก กอสตา
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

ป้ายกำกับ

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (360) ข่าวสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (98) พรีเมียร์ลีก 2011/2012 (87) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (66) พรีเมียร์ลีก 2010/2011 (58) พรีเมียร์ลีก 2015/2016 (48) ลิเวอร์พูล (33) อาร์เซนอล (30) พรีเมียร์ลีก 2012/2013 (29) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (29) เชลซี (27) ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส (26) สโต๊ค ซิตี้ (26) นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (24) แอสตัน วิลล่า (23) เอฟเวอร์ตัน (21) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (20) ฟูแล่ม (18) นอริช ซิตี้ (17) ฟุตบอลอุ่นเครื่อง/กระชับมิตร (17) สวอนซี ซิตี้ (17) ซันเดอร์แลนด์ (16) พรีเมียร์ลีก 2014/2015 (16) วีแกน (16) แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (14) โบลตัน (14) UEFA (13) วูล์ฟแฮมป์ตัน (13) ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส (12) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (11) เซาธ์แฮมป์ตัน (9) เลสเตอร์ ซิตี้ (7) วัตฟอร์ด (6) เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (6) แบล็คพูล (6) คริสตัล พาเลส (5) พรีเมียร์ลีก 2016/2017 (5) เอเอฟซี บอร์นมัธ (5) พรีเมียร์ลีก 2013/2014 (4) เรดดิง (4) บาร์เซโลนา (3) ชาลเก้ 04 (2) วาเลเรนกา (2) LEAGUE CUP (1) กลาสโกว์ เรนเจอร์ (1) กว่างตง (1) กาลาตาซาราย (1) คลิปในตำนานแมนยูฯ (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2010/2011 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2011/2012 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2012/2013 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2013/2014 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2015/2016 (1) ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2016/2017 (1) นิวยอร์ค คอสมอส (1) บาเลนเซีย (1) พีเอสวี (1) ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (1) ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (1) รีล มาดริด (1) อิปสวิช ทาวน์ (1) เบิร์นลี่ย์ (1) เอฟเอ คัพ (1) แอธเลติก บิลเบา (1) โคโลญจน์ (1) โวล์ฟบวร์ก (1) ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (1)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.